Weekly Commentary (29 พ.ค.– 2 มิ.ย. 66) กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 34.50-35.20 ลุ้นตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ

0
478

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท

ในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.50-35.20 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 34.69 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.26-34.78 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือน ขณะที่ค่าเงินหยวนร่วงลงต่อเนื่อง เงินดอลลาร์เดินหน้าแข็งค่าเทียบทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแตะจุดสูงสุดรอบ 2 เดือนขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยิลด์)สหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่งเกินคาดแม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวในช่วงที่ผ่านมา ทางด้านเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นแตกต่างกันไปในช่วงนี้ต่อประเด็นที่ว่าเฟดควรจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปหรือไม่ ทั้งนี้ ตลาดสัญญาล่วงหน้าบ่งชี้ความน่าจะเป็นราว 34% ที่เฟดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่
13-14 มิ.ย. และมีโอกาส 66% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 25bp สู่ 5.25-5.50% นอกจากนี้ ระหว่างสัปดาห์ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมในฐานะสกุลเงินปลอดภัยจากความกังวลเรื่องเพดานหนี้สหรัฐฯและแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 12,189 ล้านบาท และ 21,523 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี ระบุว่า บรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอาจได้แรงส่งเชิงบวกในช่วงแรกหลังทางการสหรัฐฯได้ข้อตกลงเรื่องงบประมาณเพื่อระงับข้อจำกัดเกี่ยวกับเพดานหนี้รัฐบาลไปจนถึงต้นปี 68 และจะมีการลงคะแนนข้อตกลงดังกล่าวในสภาคองเกรส ก่อนจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการต่อไป อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อสหรัฐฯที่ยังลดลงช้าเกินคาดทำให้ผู้ร่วมตลาดมองว่าดอกเบี้ยเฟดจะอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่เคยประเมินไว้เดิม โดยปัจจัยชี้นำหลักสำหรับตลาดอัตราแลกเปลี่ยนกลับมาอยู่ที่การคาดการณ์ทิศทางนโยบายเฟด หากข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.ของสหรัฐฯต่ำเกินคาด เงินดอลลาร์จะเผชิญแรงขายทำกำไรได้เช่นกัน ทั้งนี้ บอนด์ยิลด์ระยะ 2 ปีของสหรัฐฯพุ่งขึ้นมาแล้ว 86bp ในเวลาเพียง 3 สัปดาห์

สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะมีมติขึ้นดอกเบี้ย 25bp เป็น 2.00% ในการประชุมวันที่ 31 พ.ค. แม้เงินเฟ้อกำลังเป็นขาลงแต่การสื่อสารจากผู้ดำเนินนโยบายบ่งชี้ว่าต้องการNormalize อีกสักระยะหนึ่ง นอกจากนี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับรายงานภาวะเศรษฐกิจเดือนเม.ย. ขณะที่ฝั่งการเมืองยังมีความเสี่ยงที่การจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 67 จะล่าช้า