เป็นเวลากว่า 48 ปี ที่โรงพยาบาลพญาไท 1 ได้ให้บริการดูแลสุขภาพประชาชน ทั้งผู้รับบริการคนไทยและต่างชาติ ยึดมั่นในการยกระดับการให้บริการทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง เป็นโรงพยาบาลแห่งนวัตกรรมการรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างนวัตกรรมการรักษาเฉพาะทาง ซึ่งในปีที่ 48 นี้ ทางโรงพยาบาลพญาไท 1 เล็งเห็นถึงความสำคัญของการยกระดับการบริการและการป้องกันโรคต่างๆ โดยครอบคลุมทุกสาขาทั้งในด้านการแพทย์แผนปัจจุบัน (Conventional Medicine) และการรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Medicine) รวมไปถึงการวางแผนการดูแลรักษาแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine)
ทางโรงพยาบาลพญาไท 1 ได้ชูจุดเด่นของทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง หรือ Subspecialty Doctor พร้อมเสริมศักยภาพการดูแลผู้ป่วยให้ได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีขึ้นตามความคาดหวัง โดยคำนึงถึง “Value Based Healthcare” ที่มุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืน โดยการให้บริการสุขภาพที่เน้นคุณค่า การสร้างสุขภาพที่ดี และยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับประสบการณ์ที่ดี มีคุณภาพชีวิตสูงสุด
โดยการก้าวสู่ปีที่ 48 นี้โรงพยาบาลพญาไท 1 ตอกย้ำจุดเด่นชูศักยภาพศูนย์โรคสมองและระบบประสาท (Excellence Neuroscience Center) ที่มาพร้อมทีมแพทย์และนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัย ครอบคลุมทุกมิติการรักษาเกี่ยวกับระบบประสาท และศูนย์มะเร็งชีวีสุข (Great Life Center) ที่ให้การรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ด้วยการดูแลที่ลงรายละเอียดแบบเฉพาะบุคคล โดยการทำงานร่วมกันของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขาวิชาชีพ (MDT Team For Cancer) ร่วมกันวิเคราะห์และวางแผนการรักษา โดยกำหนดให้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางของการรักษา และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ป่วยเป็นหลัก ทั้งยังคำนึงถึงแนวทางในการรักษาที่เหมาะสมและรวดเร็ว อันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มโอกาสในการรักษาที่ให้ได้ผลดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ยังได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลด้านสุขภาพ (HealthTech) มาใช้ในการบริหารจัดการระบบต่างๆ ภายในโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ได้แก่ แอปพลิเคชันเฮลท์อัพ (Health up) ที่สามารถรองรับการใช้งานของผู้มารับบริการทั้งหมดในแอปพลิเคชันเดียว ซึ่งมีบริการต่าง ๆ เช่น การนัดหมายแพทย์, ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ (Telecare) ดูประวัติผลตรวจสุขภาพ, ชำระค่าบริการออนไลน์ (OPD Online Payment) และการสะสมเหรียญสุขภาพดิจิทัล (Fit Point) เปลี่ยนทุกการใช้จ่ายให้เป็นคะแนนสะสม เพื่อใช้เป็นส่วนลดค่าบริการภายในโรงพยาบาลและสิทธิประโยชน์อื่นๆ จากพาร์ทเนอร์ชั้นนำอีกมากมาย โดยในปีนี้ แอปพลิเคชันเฮลท์อัพ (Health up) ยังมีการพัฒนาฟังก์ชันการใช้งานเพิ่มมากขึ้น เช่น การประเมินภาวะสุขภาพ (Health assessment), การจำหน่ายแพ็กเกจและโปรแกรมทางด้านสุขภาพผ่านแอปพลิเคชัน เป็นต้น