บมจ.ที คิว อาร์ (TQR) อวดผลงานปี 65 โตสวนกระแสเศรษฐกิจ กำไรทะยานแตะ 98.27 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่ รายได้ธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อโตต่อเนื่อง บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสดอีก 0.25 บาท/หุ้น กำหนดขึ้น XD วันที่ 16 มีนาคม 2566 ฟากซีอีโอ “ชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์” เดินหน้าลุยพัฒนาโปรดักส์ประกันภัยต่อรูปแบบใหม่ ปักหมุดปี 66 เข้าสู่โหมดเติบโตรอบใหม่ รายได้โตเกิน 10% หนุนผลงานออลไทม์ไฮต่อเนื่อง
นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR) เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ที่ผ่านมาจะชะลอตัวจากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครน ปัญหาเงินเฟ้อที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงจากราคาน้ำมัน ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยสูง เพื่อคุมเงินเฟ้อ แต่ในแง่ของผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากมีการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจได้สอดคล้องกับสถานการณ์ และมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สอดคล้องความต้องการของคู่ค้า เห็นได้จากผลการดำเนินงานในปี 2565 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565) มีกำไรสุทธิ 98.27 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทฯ เทียบปีที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 97.46 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 243.50 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้เพิ่มจากธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อแบบพัฒนาช่องทางและผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน (Alternative Business) และธุรกิจนายหน้าประภัยต่อแบบทั่วไป (Traditional Business)
“แม้เศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาจะชะลอตัว แต่ในแง่ของผลการดำเนินงานยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เห็นได้จากตัวเลขกำไรที่สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากเรามีการนำเสนอประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ ร่วมกับบริษัทประกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุค New Normal ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี เช่น ประกันภัยไซเบอร์ รวมถึงธุรกิจให้บริการ (Service) ของ บริษัท อาร์สแควร์ฯ ที่ทำให้กำไรเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ” นายชนะพันธุ์กล่าว
นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR) กล่าวว่า แนวโน้มประกันวินาศภัยในปี 2566 จะเติบโตประมาณ 3 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน จากการเติบโตของเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว หลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย การท่องเที่ยวเริ่มกลับมามากขึ้น ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อการประกันภัย รวมถึง ผู้บริโภคมีความต้องการประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น ประกอบกับ TQR มีการคิดค้นประกันภัยต่อรูปแบบใหม่ๆ ทั้งการประกันภัยไซเบอร์ การประกันที่เกี่ยวข้องกับกระแสของ Environmental, Social and Governance : ESG การประกันรถยนต์ EV การประกันที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือกรูปแบบใหม่ รวมถึง คาร์บอนเครดิต
“แนวโน้มธุรกิจของ TQR ในปีนี้ ถือได้ว่าเข้าสู่โหมดเติบโตรอบใหม่ ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว เราจะได้เห็นโปรดักส์ใหม่ๆ ของประกันภัยต่อที่ออกมามากขึ้น เช่น การประกันชีวิตและการประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุ ขณะนี้ อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตการเป็นนายหน้าประกันภัยต่อสำหรับประกันชีวิตและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ทำร่วมกับ TQM ทั้ง การท่องเที่ยว ที่อยู่อาศัย สุขภาพ เป็นต้น เพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ต้องการประกันภัยในรูปแบบใหม่ๆ รองรับความเสี่ยงในการใช้ชีวิตประจำวันหรืออนาคตที่อาจจะเกิดขึ้นได้” นางยุพเรศกล่าว
สำหรับธุรกิจให้บริการ (Service) ของ บริษัท อาร์สแควร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการแล้วจำนวน 3 ราย และในปีนี้ตั้งเป้าหมายการมีลูกค้าเพิ่มอีก 2-3 ราย ขณะที่บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ซึ่งเป็นธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก โดยเน้นการทำ M&A กับบริษัทที่มีผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่อง คาดว่า จะเห็นความชัดเจน 1-2 ราย ภายในไตรมาส 2 ของปี 2566 ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ จะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนให้ผลงานในปีนี้เติบโตได้ที่ระดับ 10% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องตามแผนงานที่วางไว้
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา เห็นควรเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณามีมติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.39 บาท รวมเป็นเงินปันผลจ่าย 89.70 ล้านบาท โดยบริษัทจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วในปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 32.20 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565 ดังนั้น คงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายจากกำไรสุทธิ ประจำปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 57.50 ล้านบาท ซึ่งจะจ่ายจากกำไรสุทธิของบริษัทฯ โดยวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 16 มีนาคม 2566 ซึ่งวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 17 มีนาคม 2566 และกำหนดวันที่จ่ายปันผลเป็นวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 ทั้งนี้ สิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 22 เมษายน 2566