เมื่อวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ เดอะไพน์ รีสอร์ท อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวให้โอวาทในพิธีเปิดค่ายพัฒนาสมาชิก TO BE NUMBER ONE สู่ความเป็นหนึ่ง รุ่นที่ 31 ว่า“ค่ายพัฒนาสมาชิก TO BE NUMBER ONE สู่ความเป็นหนึ่ง” หรือ TO BE NUMBER ONE CAMP เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสและทางเลือกให้กับสมาชิก TO BE NUMBER ONE ทั่วประเทศ ให้ได้รับการพัฒนาทักษะทางร่างกาย อารมณ์ จิตใจ และสังคม อย่างถูกต้องและเหมาะสม ได้รับประสบการณ์ไปพร้อมๆกับได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน ในลักษณะ PLAY AND LEARN และยังได้เพื่อนใหม่ๆ ทำให้เกิดสังคม เกิดเครือข่าย TO BE NUMBER ONE อย่างกว้างขวาง
นอกจากนี้ ค่ายฯนี้ยังให้โอกาสเท่าเทียมกัน ระหว่างเยาวชนที่มีความแตกต่าง ทั้งด้านพื้นที่ ภูมิลำเนาและสถานะทางครอบครัว ในการตามหาความฝันของตน รวมทั้งโอกาสการเรียนรู้และปรับตัวเพื่อการอยู่ร่วมกับบุคคลที่ไม่คุ้นเคยอย่างมีความสุข มีความคิดเชิงบวก ไม่ท้อถอยอะไรง่ายๆ มีความพยายาม รู้จักเสียสละ อดทน มีความภาคภูมิใจ และมั่นใจในตัวเอง
กิจกรรมในค่ายแบ่งกิจกรรมเป็น 3 กลุ่ม คือ 1) กิจกรรมที่ต้องเรียนรู้ ได้แก่ การฝึกทักษะการให้คำปรึกษาเบื้องต้น และเทคนิคการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ เพื่อให้น้องๆมีความรู้ ความสามารถกลับไปเป็นผู้ให้คำปรึกษา และเป็นผู้นำจัดกิจกรรมพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ให้กับเพื่อนๆได้ 2) กิจกรรมที่ควรเรียนรู้ ได้แก่ การพัฒนาบุคลิกภาพ มารยาททางสังคม การพัฒนาด้านภาษาต่างประเทศ และ 3) กิจกรรมที่น่าเรียนรู้ ได้แก่ การพัฒนาความสามารถ ในกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ตนเองสนใจ เช่น ด้านการแสดง การเต้น การร้องเพลง ศิลปะ ดนตรี กีฬา
หม่อมหลวงยุพดี ศิริวรรณ ที่ปรึกษาโครงการ TO BE NUMBER ONE กล่าวว่าในช่วงปิดเทอม เด็กที่พ่อแม่มีเงินก็ไปเรียนในที่ดีๆแพงๆ แต่เด็ก TO BE NUMBER ONE บางกลุ่มไม่มีโอกาส ค่าย TO BE NUMBER ONE ดำเนินการขึ้นก็เพื่อให้โอกาสที่เท่าเทียมกับเด็กคนอื่น ฝึกให้เด็กช่วยเหลือตัวเอง ฝึกให้เด็กปรับตัวในการอยู่ร่วมกับคนอื่นที่ไม่คุ้นเคย
ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของค่ายฯก็คือ เพื่อให้เยาวชนสมาชิก TO BE NUMBER ONE ได้รับการฝึกฝนทักษะในการช่วยเหลือเพื่อนและผู้อื่นด้วยการให้คำปรึกษา ได้เรียนรู้เรื่องการพัฒนาบุคลิกภาพสำหรับวัยรุ่น ได้เข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนา EQ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางด้านจิตใจ ได้ เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนสมาชิก มีโอกาสเข้าถึงกิจกรรมที่ทำแล้ว ตนเองและผู้อื่นเกิดความสุขทำให้เกิดความมั่นใจ กล้าคิด กล้าทำ และกล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ จากการติดตามสมาชิกที่ผ่านค่ายตั้งแต่ รุ่นที่ 1 ถึงรุ่นที่ 30 ซึ่งถือเป็น แกนนำโครงการ TO BE NUMBER ONE พบว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้นในหลายด้าน เช่น การอยู่ร่วมกับผู้อื่น มีทัศนคติมุมมอง เรียนรู้วิธีการทำงาน มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น และยังสามารถนำความรู้ ทักษะ และสมรรถนะ ที่ได้รับจากค่าย ไปช่วยกิจกรรมสาธารณประโยชน์ได้อีกด้วย
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี และน่าภาคภูมิใจ จึงขอให้ น้องๆพยายามเก็บเกี่ยวความรู้ ประสบการณ์ จากค่ายนี้ ไปเพื่อพัฒนาตัวเองและทำประโยชน์กับสังคมให้ได้มากที่สุด เพื่อสานต่อความสำเร็จของค่ายนี้ ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่ง ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโครงการ TO BE NUMBER ONE
“ครูโต้ง”นายถิรายุทธ อ๋องประยูร ที่ปรึกษาชมรม TO BE NUMBER ONE สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.นราธิวาส เล่าว่าสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.นราธิวาสได้ส่งเยาวชนมาเข้าร่วมกิจกรรมกับค่าย TO BE NUMBER ONE CAMP มาแล้ว 6 รุ่น ซึ่งคัดเลือกตัวแทนจากเยาวชนที่ผ่านทำกิจกรรมกับทางชมรม TO BE NUMBER ONE มาแล้วระยะหนึ่ง เคยเป็นแกนนำในการนำเสนอและรู้จักโครงการ TO BE NUMBER ONE เป็นอย่างดี ยังเหลือเวลาในการควบคุมอีกไม่นาน ข้อดีที่เด็กๆได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรมค่ายคือนอกจากเด็กจะได้เรียนรู้ในวิชาต่างๆ ตามความสนใจและถนัดแล้ว ยังสามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดและถ่ายทอดให้กับเพื่อนๆที่อยู่ในชมรม ได้เห็นเป็นตัวอย่าง สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กคนอื่นๆ ให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองไม่ได้แตกต่าง และสามารถได้รับการยอมรับจากเพื่อนในค่ายได้เหมือนๆกัน เป็นการช่วยสร้างความมั่นใจให้เด็ก และเตรียมพร้อมให้พวกเขากลับคืนสู่สังคมได้ ซึ่งผลตอบรับที่ได้จากการร่วมกิจกรรมค่ายฯถือว่าดีมาก เด็กที่มาร่วมกิจกรรมในชุดแรกๆ สามารถกลับไปต่อยอดสร้างเครือข่ายให้กับชมรมและโรงเรียนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ถือว่าประสบความสำเร็จในการขยายเครือข่ายชมรม TO BE NUMBER ONE ในสถานพินิจฯ ให้เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับมากขึ้น
“ บอล” นายฐพันกรณ์ แก้วทอง พี่เลี้ยงพิเศษ TO BE NUMBER ONE CAMP เล่าว่าตนเองเคยผ่านการเป็นสมาชิกของชมรม TO BE NUMBER ONE ของวิทยาลัยเทคนิคพังงาและเคยเข้าร่วมกิจกรรมค่ายฯใน รุ่นที่ 5 และมีความสนใจติดตามกิจกรรมของ TO BE NUMBER ONE มาโดยตลอด จึงสมัครมาเป็นพี่เลี้ยงพิเศษตั้งแต่แคมป์ รุ่นที่ 10 จนถึงรุ่นปัจจุบัน จากประสบการณ์การเป็นพี่เลี้ยงที่ผ่านมาสิ่งที่รับรู้ได้คือหลังจบกิจกรรมแคมป์เด็กๆทุกคนจะมีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น มีความกล้าแสดงออกมากขึ้น คนที่ไม่เคยเต้นก็กล้าที่จะเต้น หรือคนที่มีถนัดอยู่แล้วก็ได้พัฒนาทักษะในด้านที่ตนเองถนัดเพิ่มมากขึ้น มองว่ากิจกรรมค่ายทำให้เด็กได้รู้จักค้นหาตัวตน ความถนัด ความชอบของตนเอง เมื่อเราได้เห็นเด็กๆได้พัฒนาและมีความสุข เราก็รู้สึกมีความสุขและภาคภูมิใจไปกับเด็กๆ กิจกรรมค่ายฯของโครงการ TO BE NUMBER ONE ให้โอกาสกับเยาวชนทั่วประเทศ จึงอยากให้น้องทุกคนได้มีโอกาสมาเปิดประสบการณ์และเรียนรู้ไปพร้อมกับเพื่อนๆด้วย
“ก๋วยเตี๋ยว”นายอุดมทรัพย์ เดชคุณมาก TO BE NUMBER ONE IDOL รุ่นที่ 10 หนึ่งในพี่เลี้ยงพิเศษ เล่าว่าตนเองเคยมีประสบการณ์จากการร่วมกิจกรรมค่ายพัฒนาสมาชิกของโครงการ TO BE NUMBER ONE CAMP และเคยผ่านประสบการณ์เข้าแคมป์เยาวชนไอดอลมาแล้ว เห็นประโยชน์จากการร่วมกิจกรรมค่ายจึงได้สมัครมาเป็นพี่เลี้ยงพิเศษค่าย TO BE NUMBER ONE CAMP รุ่นที่ 30 และ รุ่นที่ 31 ซึ่งสิ่งที่ตนเองอยากแนะนำน้องๆก็คือควรวางแผนการใช้ชีวิตแต่ละวันในค่ายอย่างไร การรู้จักแบ่งเวลา การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันกับเพื่อนๆที่มาจากทั่วประเทศ อยากให้น้องๆลองเปิดใจมาหาประสบการณ์ใหม่ๆ มาเข้าสังคมใหม่ๆ เราอาจจะค้นพบความสามารถของตัวเองได้ที่นี่ ที่ค่าย TO BE NUMBER ONE แห่งนี้
“นิว” นายวชิรวิทย์ แสงโนดา แชมป์ TO BE NUMBER ONE IDOL รุ่นที่ 14 เล่าว่ามาร่วมกิจกรรม TO BE NUMBER ONE CAMP เป็นครั้งแรก เพราะอยากมาเพิ่มเติมประสบการณ์ใหม่ๆให้กับตนเอง มาหาเพื่อนใหม่ อยากฝึกฝนและพัฒนาตนเองให้มากขึ้น ได้มาลองเรียนรู้สิ่งที่ตนเองยังไม่เคยเรียนมาก่อน มาเข้าค่ายครั้งนี้สนใจอยากเรียนวิชาการแสดง ภาษาจีน เพราะตนเองมีความตั้งใจอยากเป็นศิลปิน นักแสดง อยากบอกเพื่อนๆทุกคนให้ลองมาเรียนรู้อะไรใหม่ๆในกิจกรรมของโครงการ TO BE NUMBER ONE เชื่อว่าทุกคนที่มาจะได้รับความสุขและความรู้สึกดีๆกลับไป อยากขอบคุณองค์ประธานโครงการ TO BE NUMBER ONE ที่ได้สร้างโครงการดีๆแบบนี้ให้เด็กและเยาวชนทุกคนได้มีโอกาสเรียนรู้และได้รับประสบการณ์ที่ดี
“ ตงตง”นายชัยวิชิต แห้วเพ็ชร TO BE NUMBER ONE IDOL รุ่นที่ 13 เล่าว่าตนเองมาเข้าร่วมกิจกรรมค่าย TO BE NUMBER ONE CAMP ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว มองว่าการมาเข้าค่ายในแต่ละครั้งช่วยให้เราได้เรียนรู้ในสิ่งต่างๆอย่างไม่สิ้นสุด มาครั้งนี้ตั้งใจมาเรียนการเต้น B BOY วิชาเทควันโด และวิชาการแสดงเพิ่มเติม ความรู้ที่ได้สามารถช่วยเติมเต็มทักษะความสามารถของเราได้หลายด้าน ทั้งด้านการแสดง การร้องเพลง การเต้น การมาเข้าค่ายช่วยให้เราค้นหาความสามารถที่ตนเองถนัดได้ ทำให้เรารู้สึกมั่นใจว่าตนเองก็ทำอะไรได้หลายอย่าง และยังนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดใช้ในการทำงานด้านต่างๆ กิจกรรมค่ายทำให้เรารู้สึกเติมเต็ม มีความกล้าแสดงออก มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเรียนรู้ฝึกฝน อยากบอกเพื่อนๆว่ากิจกรรมของโครงการ TO BE NUMBER ONE ทำให้เราได้ทั้งความรู้ ประสบการณ์ ได้สังคม และความสนุกไปพร้อมกัน