ทีเอ็มบีธนชาต รายงานกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 14,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากปีก่อน

0
534

ปัจจัยหนุนมาจากทั้งด้านรายได้ ประสิทธิภาพด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายตั้งสำรองฯ ที่ลดลง ซึ่งเป็นผลจากการดูแลคุณภาพสินทรัพย์อย่างรอบคอบและการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ลูกค้าอย่างเหมาะสม หนุนสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง พร้อมสำหรับการเติบโตในปี 2566

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 4 และรอบ 12 เดือน ปี 2565 โดยผลการดำเนินงานยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องและมีกำไรสุทธิในไตรมาส 4 ปี 2565 ที่ 3,847 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% จากปีที่แล้ว รวม 12 เดือน ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 14,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากปี 2564 ด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังดูแลได้ดี โดยอัตราส่วนหนี้เสียอยู่ที่ 2.73% ลดลงจากปีที่แล้วและต่ำกว่ากรอบที่วางไว้

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2565 นี้ ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องทุกไตรมาส ถือว่าเป็นความสำเร็จที่เกิดจาก Strategy และ Execution นั่นคือ การวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมและสามารถทำได้จริงตามแผนที่วางไว้ โดยกลยุทธ์ที่เรามุ่งเน้นมาตลอด ได้แก่ การเติบโตสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ การมีวินัยด้านค่าใช้จ่าย และการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ ที่สำคัญคือการดูแลลูกค้าในเชิงรุกและให้ความช่วยเหลือทางการเงินอย่างเหมาะสม จึงส่งผลให้ลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางสามารถปรับตัวผ่านช่วงที่ยากลำบากและมีสถานการณ์ที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ทำให้พอร์ตสินเชื่อมีคุณภาพดี หนี้เสียลดลง และทำให้ค่าใช้จ่ายตั้งสำรองฯ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในท้ายที่สุด เป็นปัจจัยหนุนผลกำไรและสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

อีกหนึ่งกลยุทธ์หลักในปี 2565 ได้แก่ การเตรียมความพร้อมสำหรับวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น โดยธนาคารสามารถบริหารงบดุล (Balance Sheet Management) ได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการดำเนินการหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างเงินฝาก ด้วยการทยอยเพิ่มเงินฝากประจำเพื่อล็อกต้นทุนเงินฝากและขยายฐานเงินฝากล่วงหน้าในการรองรับแผนการเติบโตสินเชื่อในปี 2566 ในด้านการลงทุนธนาคารได้ปรับพอร์ตให้มีระยะเวลาลงทุนสั้นลงเพื่อช่วยเพิ่มผลตอบแทนในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น และเนื่องจากที่ผ่านมาธนาคารดำรงเงินกองทุนในระดับสูงมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อมองเห็นโอกาสในตลาดตราสารหนี้ จึงได้ทำการซื้อคืนตราสารหนี้ที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 หรือ AT1 กลับมาบางส่วน ซึ่งนอกจากจะเป็นไปตามแผนการบริหารส่วนทุน (Capital Management) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว ธนาคารยังได้ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาซื้อคืนอีกด้วย

ท้ายสุดในส่วนของแผนงานหลังการรวมกิจการ ธนาคารสามารถทำได้ตามแผนเช่นกัน เริ่มจากการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจและจัดตั้งบริษัท ทีทีบี คอนซูมเมอร์ การเปิดตัวแอปพลิเคชัน ttb touch รวมไปถึงการลงทุนและพัฒนาด้านดิจิทัล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการรับรู้ Revenue Synergy ด้านการรับรู้ Balance Sheet Synergy และ Cost Synergy นั้นทำได้ดีกว่าเป้าหมาย ทั้งนี้ ธนาคารได้ส่งผ่านผลประโยชน์จากการรวมกิจการกลับคืนไปยังผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นในปี 2565 ธนาคารได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลและออกวอร์แรนท์ TTB-W1 ให้กับผู้ถือหุ้นโดยไม่คิดมูลค่า

จากการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ที่กล่าวมาผนวกกับสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ธนาคารพร้อมที่จะเดินหน้าสร้างรายได้และการเติบโตต่อไปในปี 2566 เพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้น ควบคู่ไปกับการนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าของเราในการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งวันนี้ และอนาคต
สำหรับรายละเอียดผลการดำเนินงานหลักในปี 2565 มีดังนี้

ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2565 เงินฝากอยู่ที่ 1,399 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% จากไตรมาสก่อน (QoQ) และ 4.5% จากปี 2564 (YTD) หนุนโดยการเพิ่มขึ้นของเงินฝากประจำ สอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านเงินฝากเพื่อรองรับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นและการเติบโตสินเชื่อในปี 2566 ด้านสินเชื่ออยู่ที่ 1,376 พันล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 1.3% QoQ เนื่องจากมีการชำระหนี้คืนจากลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ แต่ทั้งปียังคงเพิ่มขึ้น 0.4% YTD ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตสินเชื่ออย่างระมัดระวัง โดยเน้นสินเชื่อรายย่อยเป็นหลัก นำโดยสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย

ในส่วนของรายได้นั้นมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิในไตรมาส 4 อยู่ที่ 13,826 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% QoQ หนุนโดยการเติบโตสินเชื่อรายย่อยและการบริหารต้นทุนทางการเงินหลังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ด้านรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 4,014 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% QoQ จากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการรับรู้ผลตอบแทนจากการซื้อคืนตราสารหนี้ AT1 ส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานรวมในไตรมาส 4 อยู่ที่ 17,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% QoQ

รวม 12 เดือน ปี 2565 ธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 65,852 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% จากปีก่อนหน้า (YoY) ขณะที่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานอยู่ที่ 29,952 ล้านบาท ลดลง 4.1% YoY สะท้อนถึงการรับรู้ Cost Synergy และการมีวินัยด้านค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ในปี 2565 อยู่ที่ 45% ลดลงจาก 48% ในปี 2564 ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ หรือ PPOP อยู่ที่ 36,169 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4% YoY ด้านค่าใช้จ่ายสำรองฯ อยู่ที่ 18,353 ล้านบาท ลดลง 14.7% จากปีที่แล้ว เมื่อหักค่าใช้จ่ายสำรองฯ และภาษี จึงทำให้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% YoY

ทั้งนี้ การตั้งสำรองฯ ที่ลดลงเป็นผลจากการดูแลคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร รวมไปถึงการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดและให้ความช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้ธนาคารสามารถควบคุมและลดสัดส่วนหนี้เสียลงมาได้อย่างต่อเนื่อง จากระดับสูงสุดในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ 2.98% ในไตรมาส 3/64 มาอยู่ที่ 2.81% ณ สิ้นปี 2564 และ 2.73% ณ สิ้นปี 2565 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่ากรอบควบคุมและต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม

ท้ายสุดด้านความเพียงพอของเงินกองทุน ยังอยู่ในระดับสูงและเป็นลำดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม โดยอัตราส่วน CAR และ Tier 1 (เบื้องต้น) ณ สิ้นปี 2565 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20.0% และ 16.3% เทียบกับ 19.3% และ 15.3% ณ สิ้นปี 2564 และสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารกลุ่ม D-SIBs ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 12.0% และ 9.5% ตามลำดับ

#ให้ชีวิตการเงินดีทั้งวันนี้และอนาคต
#เปลี่ยนเพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น #ttb #MakeREALChange

. Key drivers were the improvement in revenue and operational efficiency as well as lower provision as the Bank has prudently monitored asset quality along with appropriately providing financial assistance to customers. These would underpin solid financial position and gear up for the potential growth in 2023.
Bangkok, 20 January 2023 — TMBThanachart Bank Public Company Limited or TMBThanachart announced its financial performance for the 4th quarter (4Q22) and the 12-month period of 2022 (12M22). Overall, the Bank’s operating performance continued positive momentum with net profit of THB 3,847 million in 4Q22 which increased by 37% from the same period of last year and THB 14,195 million for 2022, an increase of 36% from 2021. Asset quality was well-managed, reflected by NPL ratio of 2.73% which was lower than the previous year and ended below target guidance.

Mr.Piti Tantakasem, CEO of TMBThanachart (ttb), mentioned “The performance in 2022 continuously improved every quarter. Such an achievement was attributable to the combination of proper strategy and successful execution. Key strategies we have always focused on are growing quality loan portfolio, cost discipline, and prudent risk management. More importantly, the Bank has been proactively facilitated and appropriately provided financial assistance to customers, especially those who are vulnerable. As a result, they could overcome all difficult times and be resilient afterward. All our endeavors resulted in quality loan portfolio, lower non-performing loans, and significantly lower provision expenses that would underpin the Bank’s stronger profitability and financial position.
Another key strategy in 2022 is the preparation ahead of rate hike cycle; the Bank could effectively manage the balance sheet through various initiatives such as optimizing deposit composition by pre-emptively funding long-term deposit to lock up rates and expanding the deposit base to support the potential loan growth in 2023. In terms of investment portfolio, the Bank has also shortened investment duration to be more flexible to maximize returns amid the rate hike cycle. Additionally, as we have always maintained a high level of capital, when seeing opportunity in the bond market, we decided to partially repurchase Additional Tier 1 (AT1) capital debt instruments. This transaction was one of capital optimization initiatives and the Bank also recognized gain from face value spread.
Finally, in terms of post-merger plan, it remained on track, including business group restructuring, the establishment of “ttb consumer”, the launch of the ttb touch application, and the investment and development in digital landscape. All of these are important factors for the potential Revenue Synergy realization in the future. Meanwhile, we already achieved Balance Sheet and Cost Synergy ahead of plan. The Bank has passed the benefits from the merger through shareholders consistently. In 2022, for example, we paid interim dividends and issued warrants, TTB-W1, which were allocated free of charge to our existing shareholders.
With the preparation in various aspects as mentioned above coupled with a strong financial position, in the year 2023, the Bank is ready to continue generating revenue and growth, creating sustainable returns for shareholders along with offering better financial solutions to our customers.”
The details of the financial performance in 2022 are as follows:
As of December 2022, total deposit was at THB 1,399 billion, an increase of 1.9% from previous quarter (QoQ) and 4.5% from previous year (YTD), driven by an increase in time deposit which is in-line with the deposit strategy to prepare for interest rate hike cycle and for potential loan growth in 2023. Meanwhile, total loans stood at THB 1,376 billion, slightly dropped by 1.3% QoQ from repayment of large corporate loan. However, it grew by 0.4% YTD driven by the selective loan growth strategy focusing on retail secured loans especially hire purchase and mortgage loans.
On the revenue side, the positive momentum continued. In 4Q22, Net Interest Income (NII) was at THB 13,826 million, a 6.6% increase from the previous quarter, thanks to retail loan expansion and funding cost management following deposit rate hikes. For Non-Interest Income (Non-NII), it was THB 4,014 million, up 18.7% QoQ, driven by higher fee income and gain from repurchase of AT1 capital resulting in total net operating income in 4Q22 at THB 17,840 million, up 9.1% QoQ.
For total 12-month period, the Bank’s total operating income was THB 65,852 million which increased 0.5% from the same period last year (YoY). Meanwhile, operating expense (OPEX) stood at THB 29,952 million, down 4.1% YoY, reflecting our cost synergy realization together with cost discipline, cost-to-income ratio in 2022 therefore stayed at 45%, declining from 48% in 2021. Given abovementioned revenue and cost movement, Pre-Provision Operating Profit (PPOP) in 2022 was reported at THB 36,169 million, up 5.4% YoY. In 2022, the Bank set aside provision expense of THB 18,353 million in total which decreased by 14.7% YoY. Net profit therefore was recorded at THB 14,195 million, a 35.5% increase YoY.
The decline in provision was due to the Bank’s asset quality management, including closely facilitating customers and appropriately providing financial assistance. As a result, the Bank could continuously control and reduce the proportion of non-performing loans from the highest level during the COVID-19 crisis of 2.98% in 3Q21 to 2.81% at the end of 2021 and 2.73% at the end of 2022, which is below target guidance and below the industry average.
Finally, the Bank’s capital adequacy ratio remained one of the top tiers in Thai banking industry. At the end Dec-22, the preliminary CAR and Tier 1 was reported at 20.0% and 16.3%, compared to 19.3% and 15.3% at the end of 2021. The figures were also well-above the Bank of Thailand’s minimum threshold for D-SIBs banks of 12.0% and 9.5%, respectively.


#ให้ชีวิตการเงินดีทั้งวันนี้และอนาคต
#เปลี่ยนเพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น #ttb #MakeREALChange