theAsianparent เผยพ่อแม่ชาวไทยยุคโควิดรายได้ลดฮวบ! ส่อแววเป็นหนี้เพิ่ม หลังค่าครองชีพพุ่งต่อเนื่อง

0
1246

จากสถานการณ์การปรับขึ้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ และยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าครองชีพของครอบครัวไทย ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19

theAsianparent จึงได้สำรวจความคิดเห็นของตัวแทนคุณพ่อคุณแม่เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตลอดจนผลกระทบที่ได้รับในครั้งนี้ โดยผลการสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า

พ่อแม่ต้องรัดเข็มขัด ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้เสริม เพื่อพยุงครอบครัว

คุณพ่อคุณแม่กว่า 72% รู้สึกเครียดและกังวลกับการปรับขึ้นราคาของสินค้าต่างๆ และด้วยสาเหตุนี้ทำให้คุณพ่อคุณแม่เลือกที่จะรับมือโดยการลดรายจ่ายฟุ่มเฟือยของครอบครัวลงเป็นอันดับแรก โดยคิดเป็น 46% และอีก 23% ต่างก็รู้สึกว่าจะต้องหาช่องทางเพิ่มรายได้ของครอบครัวให้มากขึ้น เพื่อทดแทนอำนาจการใช้จ่ายที่ลดลง

1 ใน 20 คน เผชิญปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลัง ใช้เงินเก็บ แถมกู้เพิ่มเพื่อเลี้ยงดูลูก

จากการสำรวจยังพบอีกว่า 1 ในทุกๆ 20 คน ที่พบเจอตามท้องถนนโดยทั่วไป ปัจจุบันกำลังเผชิญกับปัญหาค่าดูแลลูก (เช่น นมผง ผ้าอ้อม อาหาร อื่นๆ) ที่รวมแล้วพบว่ามากกว่ารายได้ทั้งหมดของครอบครัว และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ต่างต้องนำเงินเก็บ หรือมีการหยิบยืม เพื่อมาจับจ่ายใช้สอยก่อน ซึ่งมีอยู่มากถึง 23​%

เรียนออนไลน์ภาระเพิ่ม ต้องซื้อ gadget ด้าน IT ให้ลูกใช้เรียน

ส่วนการเรียนของเด็กๆ ในปัจจุบัน ยังคงมีการเรียนออนไลน์ที่บ้านกันอยู่ คิดเป็น 58% แต่เริ่มมีผู้ปกครองที่เลือกให้บางวันเรียนที่บ้าน บางวันเรียนที่โรงเรียน (ไฮบริด) เพื่อยังคงไว้ซึ่งการเว้นระยะห่างทางสังคมอยู่ คิดเป็น 17% ขณะเดียวกัน ก็มีผู้ปกครองที่เลือกส่งบุตรหลานให้ไปเรียนที่โรงเรียนเป็นหลัก เพื่อจะได้เจอเพื่อนๆ และคุณครู เพราะอยากให้การเรียนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยคิดเป็น 25%    

หากถามว่าการเรียนออนไลน์ที่บ้าน สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองได้จริงหรือไม่ จากผลสำรวจพบว่า ผู้ปกครองจำนวน 40% ต่างมีความคิดเห็นตรงกันว่า มีค่าใช้จ่ายโดยรวมเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องซื้ออุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และจ่ายค่าบริการอินเตอร์เน็ต แต่ก็มีผู้ปกครองอีก 24% ที่รู้สึกว่า มีค่าใช้จ่ายโดยรวมลดลง เนื่องจากช่วยประหยัดค่าเดินทาง และทางโรงเรียนมีการลดค่าเทอม หรือค่าอาหาร ค่าบริการต่างๆ ให้ด้วย

อาชีพเดียวอยู่ไม่ได้ พ่อแม่ต้องสร้างรายได้เสริม

ทั้งนี้ theAsianparent ยังได้ทำการสำรวจถึงการซื้อสินค้าหรือการลงทุนของคุณพ่อคุณแม่ในปี 2564 ที่ผ่านมา พบว่า แม้เศรษฐกิจจะซบเซาด้วยพิษจากโควิด-19 ที่ระบาดอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ทำให้การจับจ่ายใช้สอยในส่วนของมือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ลดลงเลย ในทางกลับกันมีการซื้อถึง 50% เลยทีเดียว โดยตัวเลขที่ชัดเจนนี้ พอจะบ่งบอกได้ว่าอุปกรณ์เหล่านี้มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตในโลกปัจจุบันมากเพียงใด เพราะไม่ว่าจะทั้งการทำงาน-ธุรกิจ หรือเรียนออนไลน์ของเด็กๆ ต่างต้องพึ่งพาอุปกรณ์เหล่านี้แทบทั้งสิ้น

นอกจากนี้ ยังมีตัวเลขที่น่าสนใจอีก ก็คือยานพาหนะ อันได้แก่ รถยนต์ มอเตอร์ไซต์ ซึ่งยังมีการซื้ออยู่ถึง 21% ตามด้วยการลงทุนในสลากธนาคารต่างๆ หรือกองทุน อยู่ที่ 22% และอสังหาริมทรัพย์ เช่น คอนโด ที่ดิน หรือบ้าน อยู่ที่ 7%

สันทนาการนอกบ้านเป็นหมัน หลังโอไมครอนมาเยือนไทยเต็มรูปแบบ

สำหรับการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ในช่วงปลายปีที่แล้ว จนถึงต้นปีนี้ในเดือนมกราคม จากผลสำรวจพบว่ามีครอบครัวถึง 50% ที่ไม่ได้ออกไปทานข้าวสังสรรค์นอกบ้านเลย และทำกับข้าวทานเองที่บ้าน แต่ก็มีอีก 8% ที่ทานข้าวนอกบ้านมากกว่า 10 ครั้งในเดือนมกราคมที่ผ่านมา 

และในทางกลับกันกลุ่มที่ออกไปทานข้าวนอกบ้านอีก 50% นั้น มีการใช้จ่ายค่าอาหารในแต่ละมื้อเกิน 500 บาท อยู่ถึง 48% 

รู้หรือไม่? หากเทียบกันระหว่างเดือนมกราคม ปี 2564 กับ 2565 พบว่า 3 ใน 4 ของคุณพ่อคุณแม่ รู้สึกว่ามีอำนาจในการจับจ่ายใช้สอยลดลงกว่าเดิม โดยมากกว่าครึ่งของ 3 ใน 4 นี้ มีรายได้ลดลงกว่าแต่ก่อนเป็นอย่างมาก