SYMC โชว์ผลงานยอดเยี่ยมในไตรมาส 4 สร้างรายได้รวม 391.6 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 18.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่งผลให้ปี 2564 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างกำไรสุทธิหลัก 163.5 ล้านบาท โดยไม่รวมส่วนแบ่งผลขาดทุนของบริษัทร่วม พร้อมลงทุนเพิ่มในโครงข่ายพื้นฐานหลักเพื่อรองรับความต้องการลูกค้าให้ครอบคลุมต่อเนื่อง
นายอเล็กซ์ โลท์ ประธานเจ้าหน้าบริหารที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SYMC ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมชั้นนำ กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 2564 มีรายได้รวม 391.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิหลัก 32.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% (ไม่รวมส่วนแบ่งผลขาดทุนของบริษัทร่วม) ส่งผลให้ในปี 2564 บริษัทมีผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่ง รวมรายได้ 1,525.2 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 128.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.4% และ 35.1% ตามลำดับ ส่วนกำไรสุทธิหลักอยู่ที่ 163.5 ล้านบาท (ไม่รวมส่วนแบ่งผลขาดทุนของบริษัทร่วม) ถือเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญถึง 58.3% จากปีที่แล้ว แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จและการเติบโตของธุรกิจด้านการเชื่อมต่อโครงข่ายบริการของลูกค้าองค์กรทั้งในประเทศและระหว่างประเทศรวมถึงการจัดการต้นทุนโดยรวมที่ดีขึ้น
“ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2564 ที่เติบโตขึ้นเกิดจากความต้องการใช้งานด้านข้อมูลที่เติบโตสูงขึ้นและความต้องการเชื่อมต่อที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งหลายบริษัทยังคงมีการทำงานแบบ Work from Home กันอยู่ ขณะเดียวกันก็มีธุรกิจอีกจำนวนมากที่ปรับเปลี่ยนการดำเนินงานโดยนำดิจิทัลเข้ามาใช้เพิ่มสูงขึ้นด้วย ส่วนลูกค้าต่างประเทศ ยังมีความต้องการใช้งานเพื่อเชื่อมต่อข้ามแดนเข้ามายังประเทศไทยจำนวนมากจากผู้ให้บริการด้านเนื้อหาต่างๆ หรือ OTT (Over-The-Top), ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีและผู้ให้บริการคลาวด์ รวมถึงผู้ให้บริการโทรคมนาคมระดับภูมิภาคในอาเซียนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการขยายโครงข่ายและเทคโนโลยีดิจิทัลในภูมิภาคนี้”
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี พ.ศ. 2565 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.075 บาท ตามผลการดำเนินงานของ ปี 2564
นายอเล็กซ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า SYMC ให้ความสำคัญในด้านการให้บริการด้วยโครงข่ายที่มีคุณภาพและเสถียรภาพที่ดีที่สุดทั่วประเทศ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีเลิศให้กับลูกค้าที่มีความต้องการที่หลากหลาย ดังนั้น บริษัทจึงวางแผนการลงทุนในปี 2565 เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของโครงข่ายพื้นฐานหลักให้ก้าวไปสู่อีกขั้นของความสามารถด้านเทคโนโลยีในอนาคต เพื่อรองรับความต้องการที่ครอบคลุมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจจึงวางแผนขยายบริการด้านคลาวด์, บริการด้าน Managed Security Solutions และบริการดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์เพิ่มเติม เพื่อเป็นประโยชน์และรองรับด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินธุรกิจและการเปลี่ยนแปลงด้านไอทีในอนาคตสำหรับกลุ่มตลาดลูกค้าองค์กรในประเทศ เราเชื่อมั่นว่าการขับเคลื่อนในครั้งนี้เป็นก้าวที่สำคัญทางธุรกิจซึ่งจะช่วยเพิ่มมิติใหม่ให้กับบริการต่างๆ ของบริษัทให้มีความครอบคลุมครบทุกด้านเพื่อสร้างผลกำไรตอบแทนให้กับโครงข่ายบริการของเราที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งจากภายในประเทศและระหว่างประเทศ