SYMC เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 กวาดรายได้รวม 366.9 ล้านบาท โตขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 11.4% และมีกำไรเพิ่มขึ้น 41.7% เป็น 28.0 ล้านบาท จากความต้องการในการเชื่อมต่อบริการที่เพิ่มขึ้นจากบริการทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ หากไม่รวมส่วนแบ่งผลขาดทุนของบริษัทร่วมแล้ว มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 36.5 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 85.1% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2563
นายอเล็กซ์ โลท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SYMC กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID–19 ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนอย่างมากในวงกว้าง แต่ในทางกลับกันเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อน Digital Transformation ในหลายๆ ธุรกิจ โดยก่อให้เกิดความต้องการด้านการใช้บริการเชื่อมต่อโครงข่ายการสื่อสารเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งบริการด้านคลาวด์ (Cloud) และ ไอซีที โซลูชั่นส์ (ICT Solutions) ทั้งนี้หลายธุรกิจจำเป็นต้องให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน หรือในบางธุรกิจที่ดำเนินการจากระยะไกลระหว่างประเทศที่ต้องสื่อสารกันมากขึ้น จำเป็นต้องใช้บริการเชื่อมต่อโครงข่ายที่มีเสถียรภาพและราบรื่นในการสื่อสารระหว่างกัน
ผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทสะท้อนถึงกลยุทธ์การพลิกฟื้นของบริษัทที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 3 ปีก่อน ในการขับเคลื่อนธุรกิจและสถานะทางการเงินให้กลับมาอยู่ในสภาวะที่ดี และสำคัญอย่างยิ่งที่ในขณะนี้ บริษัทฯ ของเราเริ่มที่จะกลับมาเติบโตโดยมีตัวเลขในเชิงบวกทั้งทางด้านรายได้และกำไร โดยได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีเพื่อขับเคลื่อนโอกาสให้มากขึ้นในระยะยาว
สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 บริษัทมีรายได้ 713.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิหลัก (ไม่รวมส่วนแบ่งผลขาดทุนจากบริษัทร่วม) จำนวน 65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6% และ 23.9% ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน สืบเนื่องจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ รวมทั้งการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและต้นทุนทางการเงินที่ลดลง
นายอเล็กซ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายในปีนี้ บริษัทฯ จะลงทุนประมาณ 300-350 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาคุณภาพและเสถียรภาพของโครงข่ายหลักของบริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายเส้นทางหลักของระบบโครงข่ายเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังเดินหน้าในการเปิดตัวบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานด้านดิจิทัล โซลูชั่นที่ครบวงจรของทุกธุรกิจในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และสอดคล้องกับทิศทางธุรกิจในระยะยาวของบริษัทฯ มากขึ้น