- SPALI สร้างประวัติการณ์โชว์ผลงานปี 64 ทุบสถิติกวาดรายได้ – กำไร เกินเป้าที่ตั้งไว้
- สร้าง New Record ครั้งใหม่ โกยกำไร 7,070 ล้านบาท โตกว่า 66 % และรายได้รวมสูงถึง 29,647 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% เกินเป้ารายได้ที่ตั้งไว้
- เผยกลยุทธ์บริษัทฯ ด้วยสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง พร้อมแผนกลยุทธ์ปรับตัวรับมือที่รวดเร็วให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง พัฒนาผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ลูกค้า ภายใต้การบริหารจัดการกระแสเงินสดที่รัดกุม
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2564 ถือเป็นปีที่ท้าทายเป็นอย่างมากในการบริหารจัดการธุรกิจ เพื่อให้เป็นไปตามกลยุทธ์ธุรกิจที่วางไว้ว่า ก้าวไปข้างหน้า..เติบโตอย่างผู้นำ และยั่งยืน ทั้งด้านรายได้ และกำไร โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย 27,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 28,000 ล้านบาท ซึ่งผลงานที่ปรากฏออกมานั้นคุ้มค่ากับการวางแผนกลยุทธ์และความทุ่มเท เพราะบริษัทฯ ประสบความสำเร็จเกินเป้าจากแผนการดำเนินงานที่ตั้งไว้ ท่ามกลางวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น โดยสามารถสร้างสถิติครั้งใหม่ New High ตั้งแต่เปิดบริษัทฯ เติบโตทางด้านรายได้และกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งยอดขายและโอนกรรมสิทธิ์โครงการสร้างเสร็จ พร้อมเข้าอยู่ จากแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม รวม 23 โครงการใหม่ ที่สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าทุกเซ็กเมนต์ ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยทำเลยอดนิยมที่สร้างยอดขายได้ทะยานสูงเป็นลำดับต้นๆ คือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ชลบุรี และระยอง ที่กำลังซื้อยังคงมีอยู่อย่างเหนียวแน่น โดยสินค้าแนวราบเป็นสินค้าเบอร์หนึ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้นต่อเนื่องในปัจจุบัน อีกทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เปิดตัวแบรนด์ใหม่ พร้อมแบบบ้านใหม่ ฟังก์ชันใหม่ ให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด อาทิ โครงการแนวราบที่โดดเด่น หรูหรา สง่างาม อย่างศุภาลัย เอเลแกนซ์ บรมราชชนนี 121 และโครงการคอนโดมิเนียมที่มีกลิ่นอายคลาสสิคของทำเลย่านราชวัตรที่หายาก อย่างศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน – ราชวัตร ควบคู่ไปกับแผนการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ ในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ของปี 2564 รวมทั้งสิ้น 3 โครงการด้วยกัน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า คือ ศุภาลัย พรีเมียร์ เจริญนคร ศุภาลัย ริวา แกรนด์ และศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ
บริษัทฯ ทุบสถิติกำไรสุทธิสูงสุด สร้าง New High New Record ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ สามารถสร้างผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 66% หรือ 7,070 ล้านบาท รวมถึงรายได้รวมเติบโตแบบก้าวกระโดดสูงสุดเช่นกัน 29,647 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เกินเป้าหมายที่วางไว้ 28,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ โดยแบ่งเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ 28,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากปี 2563 โดยแบ่งเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและทาวน์เฮาส์ 51% และอาคารชุด 49% อีกทั้งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 11,126 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% และกำไร 2,879 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% สวนกระแสอย่างก้าวกระโดดสูงสุด เติบโตจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มาจากยอดรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด และโครงการแนวราบที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ ขณะเดียวกันเพื่อรักษาเสถียรภาพทาง การเงิน (Cash Flow Management) ส่งผลให้อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับ 43% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 ลดลงจากระดับ 55% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563
สำหรับปัจจัยสำคัญที่มีส่วนผลักดันศุภาลัยรุกธุรกิจครั้งสำคัญนี้เพื่อก้าวไปข้างหน้า..เติบโตอย่างผู้นำและยั่งยืน ทั้งด้านรายได้และกำไร มาจาก
- ทีมงานที่มีศักยภาพและแข็งแกร่ง – นำหลักการทำงานแบบ Agile มาปรับใช้ภายในองค์กร เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการขององค์กรได้อย่างรวดเร็ว
- การพัฒนาผลิตภัณฑ์ – สร้างสรรค์รูปแบบผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า
- การบริการอย่างครบวงจรบนแพลตฟอร์มออนไลน์ – สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ผ่านการขายแบบออนไลน์ให้แก่ลูกค้า ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เช่น Supalai Online Booking , Supalai Private Tours และพัฒนา Living Solution Platform ผ่านแอปพลิเคชัน Supalai Sabai จัดการทุกเรื่องบ้านยกระดับการอยู่อาศัยแบบครบวงจร
- การบริหารต้นทุนและ Cash Flow อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรแข็งแกร่ง
- ส่งเสริม Waste management ในกระบวนการก่อสร้าง – กำหนดแนวทางการทำงานเพื่อลดปริมาณความสูญเสียของวัสดุก่อสร้างได้อย่างเหมาะสม และสามารถจัดการกับเศษวัสดุก่อสร้างให้เกิดมูลค่าสูงสุด รวมทั้งลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวดปี 2564 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 27 เม.ย. 65 และจ่ายปันผล วันที่ 12 พ.ค. 65
ในปี 2565 บริษัทฯ เร่งเสริมศักยภาพการบริหารจัดการมุ่งมั่นพัฒนากลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อผลักดันยอดขายให้สู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย 28,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 29,000 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการใหม่ 34 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 31 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท พร้อมรุกเปิดตลาดอสังหาฯ ในจังหวัดใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค พร้อมด้วยทำเลศักยภาพ อาทิ ฉะเชิงเทรา ลำพูน นครสวรรค์ นครปฐม และ ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคทั่วทุกภูมิภาค สำหรับที่อยู่อาศัยแนวราบยังมีโอกาสเติบโตในทิศทางที่ดี เนื่องจากยังเป็นกลุ่ม Real Demand ที่มีความต้องการของที่อยู่อาศัยสูง พร้อมมุ่งพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนารูปแบบการซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคตของบริษัท
จากความสำเร็จของปี 2564 ที่ได้กล่าวมานั้นเป็นแรงผลักดันอันสำคัญให้บริษัทฯ มุ่งมั่นการดำเนินธุรกิจอสังหาฯ ตามหลักธรรมภิบาลและเน้นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์พร้อมการให้บริการลูกค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าทุกกลุ่มทุกวัย และขอขอบพระคุณลูกค้าผู้มีอุปการะคุณและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ที่ร่วมสนับสนุนบริษัทฯ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ ครั้งสำคัญ Supalai New High New Record ที่สุดใน 3 ทศวรรษนี้