SCGD กำไรพุ่ง 147% รับอานิสงส์สินค้านวัตกรรม-พลังงานทดแทน เดินหน้าบุกตลาดอาเซียน

0
60

SCGD เผยผลประกอบการปี 2567 กำไร 810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 147% สวนกระแสตลาดอาเซียนชะลอตัวจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ-กระบวนการผลิต เสริมศักยภาพการแข่งขันโดย
1.) พัฒนาและผลิตสินค้ามูลค่าเพิ่มต่อเนื่อง 2.) ลงทุนพลังงานทดแทนเพื่อลดต้นทุน 3.) ใช้เทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์ ปี 2568 พร้อมรับตลาดอาเซียนฟื้น ตั้งงบลงทุน 4,000 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตสินค้า HVA
เพิ่มช่องทางจำหน่ายทั่วอาเซียน และลุยส่งออกต่างประเทศ ตั้งเป้ารายได้โต 5% จ่ายปันผลต่อเนื่อง


นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Decor (SCGD) ผู้นำในธุรกิจเซรามิก วัสดุตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ ในภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “ผลประกอบการปี 2567 มีรายได้ 25,563 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10 จากปีก่อน

โดยมี EBITDA 3,134 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปีก่อน มีกำไร 810 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 147 จากปีก่อน ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เป็นค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ และค่าเสียหายจากน้ำท่วมโรงงานในประเทศฟิลิปปินส์ รวมประมาณ 100 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 4 ของปี 2567 มีรายได้ 5,978 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12 โดยมี EBITDA 604 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 24 และมีกำไร 80 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากไตรมาสนี้ มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวตามที่ได้กล่าวข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทสามารถลดเงินทุนหมุนเวียนลงร้อยละ 10 มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท จากการควบคุมสินค้าคงคลัง และบริหารจัดการลูกหนี้ทางการค้า


ณ สิ้นปี 2567 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 39,823 ล้านบาท อัตราส่วน EBITDA ต่อหนี้สินสุทธิ (Net Debt to EBITDA) มีสัดส่วน 1.4 เท่า กระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง คณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจําปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท โดยได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับครึ่งปีแรกในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท
เมื่อในวันที่ 22 สิงหาคม 2567 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท โดยกำหนดวันที่ XD (หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผล) ในวันที่ 31 มีนาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 เมษายน 2568

ปี 2567 บริษัทฯ ได้เสริมศักยภาพความสามารถการแข่งขันด้วย 1.) มุ่งพัฒนาและผลิตสินค้ามูลค้าเพิ่ม (High Value Added) ต่อเนื่อง ปรับไลน์การผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนขนาดใหญ่ในเวียดนามและไทย รวมทั้งสิ้น 14 ล้านตารางเมตร ล่าสุด ได้ปรับไลน์การผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนขนาดใหญ่เพิ่มอีก 5 ล้านตารางเมตร ณ เมือง Pho Yen เวียดนาม
คาดแล้วเสร็จกลางปี 2568 2.) เร่งลดต้นทุนด้วยพลังงานทดแทน กว่า 280 ล้านบาทต่อปี โดยใช้เชื้อเพลิงชีวมวลได้ถึงร้อยละ 20 และใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ได้ถึงร้อยละ 10 ตั้งเป้าปี 2573 เพิ่มการใช้งานพลังงานชีวมวล ร้อยละ 46 และพลังงานโซลาร์เซลล์ ร้อยละ 15 และ 3.) ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหุ่นยนต์ (Robotic) เร่งตอบความต้องการตลาด อาทิ ตรวจสอบคุณภาพของแผ่นกระเบื้องในกระบวนการผลิต ใช้แขนกลหุ่นยนต์ในการผลิตสุขภัณฑ์ ระบบขนย้ายสินค้าและบรรจุภัณฑ์อัตโนมัติ เป็นต้น รวมถึงการปรับปรุงการผลิต เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการเติบโตทั้งในธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิว ธุรกิจสุขภัณฑ์ และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง (Complementary Business) ต่อเนื่อง โดยเล็งเห็นถึงโอกาสการขยายส่งออกในตลาดที่มีความต้องการที่หลากหลายและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น อีกทั้งเพิ่มช่องทางจำหน่ายในอาเซียนผ่านการเปิดร้านค้า 15 ร้าน ได้แก่ ไทยเปิด COTTO LiFE สาขาดอนเมือง และคลังเซรามิก 8 สาขา ฟิลิปปินส์เปิดร้าน CTM จำนวน 4 สาขา กัมพูชาเปิดร้าน OK Tile center และเวียดนามเปิดร้านค้า V Ceramic ทั้งยังจัดตั้งตัวแทนจำหน่ายสินค้าสุขภัณฑ์กว่า 170 รายในอาเซียน ส่งผลให้ยอดขายสุขภัณฑ์ในต่างประเทศ เพิ่มประมาณ 500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากปีก่อน รวมทั้งปรับพอร์ตสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ปูนกาว ยาแนวสำหรับการติดตั้งกระเบื้อง ชุดครัว และประตูหน้าต่าง รวมถึงกระเบื้องสำหรับเคาท์เตอร์ท๊อปให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาด ทำให้มียอดขาย 416 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากปีก่อนหน้า

ปี 2568 ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 และ EBITDA จะเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 5 จากสถานการณ์ตลาดวัสดุตกแต่งพื้นผิว กระเบื้องเซรามิก และสุขภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนมีสัญญาณการเริ่มทะยอยฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ พร้อมคว้าโอกาสโดยตั้งงบลงทุน 4,000 ล้านบาท เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้วยการขยายโรงงานเพิ่มกำลังการผลิตสินค้า HVA รองรับการเติบโตในอนาคต พร้อมเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายครอบคลุมทั่วอาเซียน โดยตั้งเป้าเติบโต 2 เท่าในปีนี้

จากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG ได้รับคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็น “หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings” ระดับ A กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (Propcon) และ “ดัชนี SETESG” ประจำปี 2567 สะท้อนการเติบโตอย่างยั่งยืน และการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ลงทุน โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียและสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง คว้าผลประเมิน CGR ระดับ 5 หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างจากการประเมินการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2567”

SCGD Records 147% Profit Increase in 2024 from High Value-Added Product and Cost Savings
from Renewable Energy, Confident in 2025 Growth with ASEAN Recovery and Export Expansion

Bangkok, 29 January 2025 – SCGD’s 2024 performance achieved a net profit of 810 million baht, marking a 147% increase despite the slowdown in the ASEAN market. This remarkable growth followed the company’s business restructuring and enhanced production processes, which strengthened its competitive capabilities through key strategies: 1) Focusing on the continuous development and production of High Value Added (HVA) products; 2) Investing in renewable energy to reduce costs; and 3) Leveraging artificial intelligence (AI) and robotics. With ASEAN markets poised for recovery in 2025, SCGD has allocated 4 billion baht for strategic investments to expand HVA production capacity and broaden distribution channels across ASEAN. The company has set a revenue growth target of 5% and a continuous dividend payout.
Numpol Malichai, Chief Executive Officer and President of SCG Decor Public Company Limited, or SCGD, the leading Decor Surface and sanitary ware business in ASEAN, said, “In 2024, the company recorded revenue of 25,563 million baht, a 10% decrease from the previous year. However, EBITDA reached 3,134 million baht, reflecting a 4% increase y-o-y, with net profit surging by 147% to 810 million baht. These figures include one-time expenses totaling approximately 100 million baht, covering costs related to business restructuring and damages caused by flooding at a plant in the Philippines. In Q4/2024, SCGD achieved revenue of 5,978 million baht, with EBITDA of 604 million baht, and a profit of 80 million baht. These represent y-o-y decreases of 12%, 24%, and 45%, respectively, due to the aforementioned one-time expenses. Furthermore, SCGD successfully reduced working capital by 10%, equivalent to over 500 million baht, through effective inventory control and improved management of account receivables.”
At the end of 2024, the company reported total assets of 39,823 million baht and maintained a Net Debt-to-EBITDA ratio of 1.4 times, reflecting strong cash flow. The Board of Directors resolved to propose to the Annual General Meeting of Shareholders the approval of the 2024 annual dividend payment at a rate of 0.20 baht per share. An interim dividend of 0.10 baht per share was already paid on 22 August 2024, and the final dividend of 0.10 baht per share is scheduled to be paid on 23 April 2025, with the XD (ex-dividend) date set for 31 March 2025.
Over the past year, the company has enhanced its competitive capabilities through: 1) Focusing on the continuous development and production of High Value Added (HVA) products. In 2024, the company increased production lines for large-sized glazed porcelain tiles in Vietnam and Thailand, with a combined capacity of 14 million square meters. Recently, the company expanded its production line by an additional 5 million square meters in Pho Yen City, Vietnam, with completion expected by mid-2025; 2) Accelerating cost reductions through renewable energy, achieving annual cost savings of over 280 million baht. The company has utilized biomass fuel for 20% of its energy needs and solar energy for 10%, with a target to increase biomass energy usage to 46% and solar energy to 15% by 2030; and 3) Leveraging artificial intelligence (AI) and robotics to respond more effectively to market demands. These technologies include quality inspection of tiles during production, robotic arms for sanitary ware manufacturing, automated systems for product handling and packaging, and production adjustments to align with market demands.
Furthermore, SCGD continues to focus on sustained growth across its decor surface business, Bathroom business, and Complementary businesses. Additionally, SCGD has strengthened its distribution channels in ASEAN by opening 15 new stores domestically and internationally. These include one COTTO LiFE store in Don Mueang and eight Klang Ceramic stores in Thailand, four CTM stores in the Philippines, one OK Tile Center store in Cambodia, and one V Ceramic store in Vietnam. SCGD has also established over 170 dealers for Bathroom in ASEAN, resulting in international Bathroom sales of approximately 500 million baht, an annual increase of 7% compared to the previous year. The company has also adjusted its portfolio of related products, such as tile adhesives, grouts, kitchen sets, doors and windows, and countertop tiles, to align with market trends, driving sales of related products and services to 416 million baht, an increase of 18% y-o-y.
Moving forward to 2025, the company targets a 5% increase in revenue and over 5% growth in EBITDA. This outlook is supported by early signs of recovery in the decor surface, and bathroom markets in ASEAN, driven by government economic stimulus measures both domestically and internationally. Thus, the company plans to allocate 4,000 million baht to support its future growth by expanding plants to increase HVA product production capacity and expanding distribution channels to cover the entire ASEAN region.
In alignment with its commitment to ESG principles, SCGD was selected by the Stock Exchange of Thailand as one of the “SET ESG Ratings” sustainable stocks in the Real Estate and Construction (PropCon) sector, achieving an “A” rating. SCGD was also included in the “SETESG Index” for 2024, reflecting its commitment to sustainable growth and delivering good returns to investors while upholding responsibilities to stakeholders and the environment. Furthermore, SCGD achieved a Corporate Governance Report (CGR) score of 5, or “Excellent,” in the Real Estate and Construction sector as part of the 2024 corporate governance assessment of Thai listed companies.