PRIME ยื่นข้อเสนอขายไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนให้กับกกพ. ตามแผนการรับซื้อ 5,200 เมกะวัตต์

0
587

บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “PRIME ยื่นข้อเสนอในโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงผลิตไฟฟ้าเอกชนที่ใช้พลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in-Tariff (FiT) ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อบรรลุเป้าหมายในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนรวมเป็น 1,800 เมกะวัตต์ภายในปี 2570

– วันที่ 9 ธันวาคม 2565  นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME เปิดเผยว่า PRIME ได้ยื่นข้อเสนอตามประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) รวมร้อยละ 30 จากกำลังการผลิตในระหว่างปี 2565 – 2573 ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)

ทั้งนี้ตามประกาศของ กกพ. เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2565 เรื่องโครงการจัดหาไฟฟ้าเพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถมุ่งสู่พลังงานสะอาดและลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net – Zero Carbon Emission) ภายในปี พ.ศ. 2608 – 2613 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ประเทศไทยจะต้องเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนให้มีสัดส่วนที่มากขึ้นในภาพรวมของการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศ อีกทั้งตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 – 2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP 2018 Rev.1) กำหนดให้ต้องมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าใหม่ที่ใช้พลังงานทดแทนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศ

โครงการนี้ซึ่งประกาศโดย  กกพ. ในวันที่ 27 กันยายน 2565 – สนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการเป็นเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำโดยปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608 – 2613 ด้วยเหตุนี้ประเทศไทยจําเป็นต้องเพิ่มการผลิตพลังงานหมุนเวียนในสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าโดยรวมของประเทศ ตามแผนพลังงานแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ฉบับที่ 1 กำหนดให้สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจะต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศ

ในฐานะที่ PRIME เป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ เราเล็งเห็นว่าโครงการของ กกพ. สอดคล้องกับความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นของบริษัทในการผลักดันให้มีการใช้พลังงานสะอาดให้มากขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายระดับโลกในการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ นายสมประสงค์กล่าวต่อไปว่า “PRIME มีแผนที่จะลงทุนด้วยเม็ดเงินจำนวนมากในโครงการพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟ้ฟ้า (installed capacity) ให้ครบ 1,800 เมกะวัตต์ภายในปี 2570 ซึ่งการเข้าร่วมในโครงการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)เป็นโครงการที่เหมาะสมและลงตัวอย่างมากกับแผนธุรกิจของบริษัท รวมถึง PRIME ได้ออกหุ้นกู้เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พร้อมกับเงินลงทุนที่ PRIME เตรียมไว้เพื่อการสร้างการเติบโตของบริษัทให้เป็นไปตามแผนงาน”

ว่า PRIME เป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปีในการเป็นผู้พัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ รวมถึงเป็นผู้จัดจำหน่ายและให้บริการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เพื่อการประหยัดพลังงาน ณ ปัจจุบัน PRIME มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าติดตั้งรวม 303.2 เมกะวัตต์ โดยมีการดำเนินธุรกิจใน 4 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น ไต้หวัน และกัมพูชา

นอกจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ PRIME ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุนในโครงการพลังงานทดแทนอื่นๆ เช่น พลังงานลม พลังงานก๊าซชีวภาพ พลังงานชีวมวล และพลังงานจากขยะมูลฝอย อีกทั้งบริษัทยังมีความหลากหลายในธุรกิจรับเหมาติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop Engineering, Procurement, and Construction (EPC) ซึ่งรับบริหารจัดการด้านการประหยัดพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแบบครบวงจร (one-stop-services) และธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าจากระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop Private-Power Purchase Agreement (PPA)  เพื่อจับตลาดค้าปลีกที่เติบโตขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา