พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ร่วมกับ เอสซีจีซี และพันธมิตร เผยโฉมกระเบื้องพีวีซีรักษ์โลกจากถุงน้ำยาล้างไต ครั้งแรกในไทยมิติใหม่ของหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนในวงการแพทย์

0
86

 บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการโรงพยาบาลเอกชนและธุรกิจสุขภาพในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ และ เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) ผู้นำธุรกิจพอลิเมอร์ครบวงจรเพื่อความยั่งยืน พร้อมด้วย แบ็กซ์เตอร์ เฮลธ์แคร์ (Baxter Healthcare) บริษัทด้านยาและเวชภัณฑ์ระดับโลกที่มุ่งให้ความสำคัญกับสุขภาพไตของคนไทย และ ไดโนเฟล็กซ์ (Dynoflex) ผู้ผลิต จัดจำหน่าย และบริการติดตั้งวัสดุตกแต่งพื้นไวนิลทั้งในและต่างประเทศ ลงนามบันทึกความร่วมมือด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน โครงการกระเบื้องพีวีซีรีไซเคิลจากถุงน้ำยาล้างไต (Circular Economy Collaboration: Dialysis Solution Bags to Recycled PVC Tiles) นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่นำถุงน้ำยาล้างไตใช้แล้วกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี เพื่อเพิ่มมูลค่าเป็นกระเบื้องพีวีซีรีไซเคิลคุณภาพสูง นำร่องติดตั้งที่หอพักผู้ป่วยโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ และจะขยายไปยังโรงพยาบาลในเครืออีก 3 จังหวัด สะท้อนการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน และพร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม

นพ.กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด มหาชน (PRINC) เปิดเผยว่า “PRINC มุ่งเป็นต้นแบบโมเดลการบริหารจัดการโรงพยาบาลอย่างยั่งยืน (sustainable hospital) จึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการ ‘ขยะทางการแพทย์’ ซึ่งถุงน้ำยาล้างไตใช้แล้วเป็นหนึ่งในขยะทางการแพทย์ที่มีจำนวนมาก และเป็นประเภทขยะพลาสติกที่ไม่ได้สัมผัสกับผู้ป่วย หากมีการบริหารจัดการขยะที่ดีและถูกต้อง จะทำให้ขยะดังกล่าวไม่กลายเป็นขยะติดเชื้อ ประกอบกับปัจจุบันคนไทยป่วยเป็นโรคไตเรื้อรัง 8 ล้านคน และมีแนวโน้มมากขึ้นทุกปี โดยมีผู้ป่วยมากกว่า 25,000 คน จำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีการล้างไตทางช่องท้อง ซึ่งผู้ป่วย 1 คน ใช้น้ำยาล้างไตประมาณ 1,460 ถุงต่อปี คิดเป็นขยะทางการแพทย์ถึง 145 ตันต่อเดือน หรือ 1,740 ตันต่อปี ในฐานะที่ PRINC เป็นผู้ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการโรงพยาบาลเอกชนและธุรกิจสุขภาพ ที่มีนโยบายในการส่งเสริมการดำเนินงานอย่างยั่งยืน การสนับสนุนกระเบื้องพีวีซีรักษ์โลกโดยความร่วมมือกับ SCGC ผู้เชี่ยวชาญด้านพอลิเมอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้พัฒนากระเบื้องพีวีซีรีไซเคิลออกมาได้สำเร็จ สามารถใช้งานได้จริง สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) ของ PRINC อย่างแท้จริง”

คุณชาตรี เอี่ยมโสภณา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพาณิชย์ เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) กล่าวว่า “ถุงน้ำยาล้างไตใช้แล้วเป็นพลาสติกชนิดพีวีซี นับเป็นขยะทางการแพทย์ที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นทุกปี อย่างไรก็ตาม หากมีการจัดการแบบ Closed – Loop โดยเก็บกลับเข้าสู่ระบบอย่างถูกวิธี และใช้กระบวนการรีไซเคิลขั้นสูง จะสามารถเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สร้างคุณประโยชน์ได้อีกมากสอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน โดย SCGC ได้นำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีรีไซเคิลพร้อมทั้งโซลูชันด้าน Green Polymer เปลี่ยนถุงน้ำยาล้างไตใช้แล้วเป็นเม็ดพลาสติกพีวีซีรีไซเคิลคุณภาพสูง ด้วยเทคโนโลยีรีไซเคิลจาก SCGC โดยยังคงประสิทธิภาพและคุณสมบัติได้เช่นเดิม ปลอดภัยในการใช้งาน สามารถผลิตเป็นกระเบื้องพีวีซีรีไซเคิล ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยใช้ทดแทนพีวีซีได้ถึง 80%  ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สู่วิถีสังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม ตามแนวทาง Low Waste, Low Carbon เพื่อโลกที่ยั่งยืน โดยเบื้องต้น ได้นำร่องรีไซเคิลถุงน้ำยาล้างไตใช้แล้วเป็นจำนวน 5,320 ถุง คิดเป็นขยะพลาสติกพีวีซี 800 กิโลกรัม ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 1,110 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์  หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 120 ต้น”

คุณพอล อุทัยชลานนท์ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศ ไทย มาเลเซีย  เวียดนาม บริษัท แบ็กซ์เตอร์ เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทด้านยาและเวชภัณฑ์ระดับโลกที่มุ่งเน้นเกี่ยวกับสุขภาพไตของคนไทย กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ที่แบ็กซ์เตอร์ เรามีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจเพื่อการมีชีวิตอย่างยั่งยืนของผู้ป่วย สังคม และชุมชน ซึ่งเราตระหนักดีถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมจากขยะถุงน้ำยาล้างไตที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี  แบ็กซ์เตอร์ในฐานะผู้นำในธุรกิจนี้ เราพร้อมให้ความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อลดปริมาณขยะจากถุงน้ำยาล้างไต สำหรับโครงการฯ นี้เราเน้นไปที่การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ผู้ป่วย เกี่ยวกับวิธีการทำความสะอาดถุงน้ำยาล้างไตอย่างถูกต้องก่อนทิ้ง ตามแนวทางจากกรมอนามัย  เพื่อนำขยะถุงน้ำยาล้างไตกลับมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ โดยเราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะเป็นพลังสำคัญในการลดปริมาณขยะถุงน้ำยาล้างไต และสร้างสังคมที่ยั่งยืน”

คุณกนิษฐ์ สารสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตอุปกรณ์ก่อสร้าง จำกัด (Dynoflex) กล่าวว่า “Dynoflex มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด เช่น การเข้าร่วมโครงการฉลากลดคาร์บอน (carbon reduction label) โครงการฉลากเขียว (green label) ของสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย โครงการอุตสาหกรรมสีเขียว (green industry) ของกระทรวงอุตสาหกรรมและการจัดหาพลังงานทางเลือกมาใช้ในกระบวนการผลิต โครงการกระเบื้องพีวีซีรีไซเคิลจากถุงน้ำยาล้างไต เป็นอีกโอกาสหนึ่งที่บริษัทได้ใช้เทคโนโลยี องค์ความรู้และประสบการณ์ ในการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำขยะทางการแพทย์หมุนเวียนกลับมาใช้ประโยชน์ โดยสามารถลดการใช้ทรัพยากรลง แต่ยังคงคุณลักษณะทางด้านคุณภาพตามมาตรฐานสากล เช่น ISO (International Standardization Organization) JIS (Japanese Industrial Standard ) หรือ ASTM (American Society for Testing and Material) เช่นเดิม”

สำหรับโครงการกระเบื้องพีวีซีรีไซเคิลจากถุงน้ำยาล้างไตดังกล่าว มีแผนติดตั้งในพื้นที่อาคารปรับปรุงใหม่ของโรงพยาบาลในเครือ PRINC ทั้งหมด 4 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิโรงพยาบาลรวมแพทย์ พิษณุโลก โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ และโรงพยาบาลพริ้นซ์ มุกดาหาร คิดเป็นพื้นที่ติดตั้งทั้งหมด กว่า 9,000 ตารางเมตร

เกี่ยวกับพริ้นซิเพิล แคปิตอล

บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการโรงพยาบาลเอกชน และธุรกิจสุขภาพในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ที่มีเครือข่ายโรงพยาบาลและคลินิกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเทคโนโลยีสารสนเทศและการให้บริการทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน และมุ่งเน้นการขยายธุรกิจไปยังพื้นที่เมืองรอง ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2559 ด้วยปณิธานขององค์กรในการพัฒนาคนที่มีจิตใจของความเป็นผู้ให้ เพื่อร่วมดูแลคน ชุมชน และสังคม จึงทำให้การดำเนินธุรกิจมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิต ควบคู่กับการดูแลรักษาสุขภาพของคน PRINC ยังคงมุ่งมั่นขยายเครือข่ายและพัฒนาระบบนิเวศด้านการดูแลสุขภาพและเฮลท์เทคในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อร่วมสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ได้คุณภาพมาตรฐานอย่างเท่าเทียม

ข้อมูลเพิ่มเติม www.principalcapital.co.th  

เกี่ยวกับเอสซีจีซี

เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ เอสซีจีซี (SCGC) ผู้นำตลาดเคมีภัณฑ์ครบวงจรระดับภูมิภาค ซึ่งมุ่งเติบโตทางธุรกิจควบคู่กับความยั่งยืน มีฐานการผลิตหลักในประเทศไทย อินโดนีเซีย และ เวียดนาม  ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ขั้นต้น (โอเลฟินส์) ไปจนถึงขั้นปลาย ได้แก่ เม็ดพลาสติกหลักทั้ง 3 ประเภท คือ พอลิเอทิลีน พอลิโพรพิลีน และพอลิไวนิลคลอไรด์

SCGC เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน โดยมุ่งสู่ “ผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์ครบวงจรเพื่อความยั่งยืน” ตามเป้าหมาย SDGs และ ESG  เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนา Green Innovation & Solutions อาทิ นวัตกรรมพอลิเมอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ Green Polymer ภายใต้แบรนด์ SCGC GREEN POLYMERTM รวมทั้งเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์คาร์บอนต่ำ เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

นอกจากนี้ ยังพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) เพื่อตอบรับเมกะเทรนด์โลก เช่น การร่วมลงทุนผลิตส่วนประกอบนำไฟฟ้าในการผลิตขั้วแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) การเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาด และการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างพื้นฐานจากการขยายตัวของเมือง เป็นต้น

ข้อมูลเพิ่มเติม www.scgchemicals.com  

เกี่ยวกับแบ็กซ์เตอร์ เฮลธ์แคร์

แบ็กซ์เตอร์ เฮลธ์แคร์ ผู้นำกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านการดูแลผู้ป่วยวิกฤต และการดูแลรักษาไต ที่ใช้ในบ้านผู้ป่วย โรงพยาบาล ศูนย์บริการการแพทย์ และสถานพยาบาลอื่น ๆ โดยในทุก ๆ วันมี ผู้ป่วย ผู้ดูแลผู้ป่วย และผู้ให้บริการด้านสุขภาพกว่าหลายล้านคนได้ให้ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ เป็นเวลากว่า 90 ปีแล้วที่เราดำเนินงานในช่วงเวลาวิกฤติของผู้ป่วย ด้วยผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมของเรา รวมดิจิทัลโซลูชั่นด้านสุขภาพ และการบำบัดรักษาที่มีอยู่ในกว่า 100 ประเทศ ได้มีส่วนช่วยชีวิตผู้ป่วยอย่างยั่งยืน เพื่อให้สอดคล้องมากับกับเจตนารมณ์ของผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ นอกจากนั้นพนักงานของแบ็กซ์เตอร์  ทั่วโลกยังคงสร้างสรรค์ต่อยอดนวัตกรรม และความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เพื่อพัฒนานวัตกรรมการดูแลสุขภาพที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลาอีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม www.baxter.com  

เกี่ยวกับไดโนเฟล็กซ์

บริษัท ผลิตอุปกรณ์ก่อสร้าง จำกัด ดำเนินธุรกิจทางด้านการผลิต จัดจำหน่ายและบริการติดตั้งวัสดุตกแต่งพื้นไวนิล ทั้งในและต่างประเทศ มายาวนานถึง 56 ปี ได้รับลิขสิทธิ์และเทคโนโลยีจาก บริษัท ไรเบอร์แอนด์ซัน จำกัด ประเทศนอร์เวย์ ภายใต้แบรนด์ Dynoflex บริษัทมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด เช่น การเข้าร่วมโครงการฉลากลดคาร์บอน (Carbon reduction label)และโครงการฉลากเขียว (Green label) ของสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย  โครงการอุตสาหกรรมสีเขียว (Green industry) ของกระทรวงอุตสาหกรรม ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ Dynoflex ได้รับความไว้วางใจจากอาคารในหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน อีกทั้งมีผู้แทนจำหน่ายภายในประเทศมากกว่า 200 ร้านค้า รวมถึงมีการส่งออกไปยังต่างประเทศ

ข้อมูลเพิ่มเติม  www.dynoflextiles.com