“On Leadership” “7 องค์ประกอบในการสร้างความสุขของผู้นำ”

0
4511

ภารกิจของผู้นำคือการนำผู้คน ทีมหรือองค์กรไปสู่จุดที่ไปต่อได้ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและรุนแรงยิ่งๆขึ้นนั้น มันเป็นสภาวะที่บีบบังคับให้ผู้นำจำเป็นต้องสู้ยิบตา ซึ่งนำพาไปสู่ภาวะมีความกดดันจนบางครั้งกลายเป็นคนที่หาอารมณ์สุขไม่เจอ เพื่อให้เราสามารถเข้าถึงความสุขได้ไม่ยากจนเกินไป On Leadership รอบนี้ ผมจะแบ่งปันเรื่องราว “7 องค์ประกอบในการสร้างความสุขของผู้นำ” ดังนี้ครับ

1.แสดงความรู้สึกขอบคุณ
คนเราแต่ละคนมีสิ่งที่ต้องใช้พลังงานเอาชนะอยู่สามเรื่องหลักๆ นั่นก็คือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับใช้ชีวิตทั้งส่วนตัวและครอบครัว ปัญหาเกี่ยวกับการงาน และปัญหาทางด้านการเงิน เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น คนก็จะย้ำคิดแต่สิ่งที่เป็นปัญหาและสิ่งที่ขาด ยิ่งทำให้เราเครียดและไร้สุขมากยิ่งขึ้น มีทางแก้ทางเดียวที่จะเรียกความรู้สึกดีกลับเข้ามา นั่นก็คือ การแสดงความรู้สึกขอบคุณในสิ่งที่เรามีอยู่ในทุกๆเช้า เช่นขอบคุณพ่อแม่ที่ให้ชีวิต ขอบคุณร่างกายที่แข็งแรง ขอบคุณสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด ขอบคุณบริษัท ขอบคุณครอบครัว และขอบคุณทีมงานที่ทำให้เรามีผลงาน เป็นต้น ทันทีที่เราแสดงความรู้สึกขอบคุณออกมา พลังบวก และความรู้สึกพึงพอใจในสถานะของเราก็จะเพิ่มขึ้น นี่เป็นวิธีที่จะเรียกความสุขได้อย่างง่ายดาย

2.การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายของเรานั้น มีชุดของสิ่งที่เกิดขึ้นหลายๆเรื่องที่เกี่ยวกับทั้งร่างกาย ความคิดระบบภายในร่างกาย ไล่ตั้งแต่เป็นการเคลื่อนไหวที่แก้ความเบื่อ ช่วยยกระดับระบบการหายใจ การสูบฉีดเลือด การขับสิ่งสกปรกของร่างกายทางเหงื่อ และการสร้างความรู้สึกถึงการทำผลงานที่มีความก้าวหน้า ซึ่งจะช่วยให้เกิดการหลั่งสารโดพามีน ที่ช่วยสร้างความสุขให้กับเรา ดังนั้น ถ้าต้องการเพิ่มความสุข การออกกำลังกายจะช่วยได้อย่างดีเลยทีเดียว

3.การสร้างความหมาย
คนที่ไร้สุขคือคนที่หาความหมายของชีวิตไม่เจอ หากเราต้องการเป็นคนมีพลังบวก วงล้อที่หนึ่งในการเคลื่อนชีวิตก็คือ การหาความหมายให้เจอ ซึ่งความหมายในที่นี้คือความหมายของตัวเราและสิ่งที่เราเลือกทำ หากเราคิดได้แค่ในระดับการทำเงิน ความน่าเบื่อและความผิดหวังจะเกิดกับเราง่าย ดังนั้น เราทุกคนจึงต้องรู้จักค้นหาและมองให้เห็นความหมายของชีวิตและสิ่งที่เราทำว่า มันมีความสำคัญต่อการสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อใคร ต่ออะไรบ้าง มีเราอยู่แล้วโลกจะดีขึ้นในมุมไหนบ้าง เมื่อเรามีจุดมุ่งหมายที่มีความหมาย เราจะมีไฟปรารถนา จนเราสร้างผลงานได้ดีในที่สุด

4.ปลดปล่อยแสงสว่างในตัวเรา
คนเราทุกคนล้วนมีความถนัดในบางเรื่องเสมอ เรื่องนี้เราต้องประเมินความเหมาะสมจากตัวเรา อย่าเอาความนิยมของสังคมเป็นที่ตั้ง เพราะเราทุกคนสามารถสร้างความสำเร็จอย่างมีความสุขจากงานหรือบทบาทหน้าที่ที่แตกต่างกันได้ ขอเพียงให้เราเข้าใจตนเองอย่างถ่องแท้ รู้จักจุดอ่อน จุดแข็งของตัวเอง จงเลือกเส้นทางที่เราใช้เวลาไม่นาน ไม่เครียด แต่สามารถสร้างสรรค์แนวคิดและวิธีการใหม่ๆออกมาได้ เราก็จะมีความมั่นใจและมีความสุขในการเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น ส่งผลให้เราสามารถปลดปล่อยแสงสว่างในตัวเรา เพื่อให้คนอื่นมองเห็นเราชัดเจนและใช้แสงที่เราปล่อยออกมาเพื่อเดินทางไปข้างหน้าด้วยกัน

5.การนิยมสิ่งที่เหมาะสมที่สุด ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ
การคิดแต่สิ่งที่สมบูรณ์แบบในทุกๆเรื่อง เป็นระบบคิดที่ทำให้เราเหนื่อยเกินไปและไร้สุข เราจึงต้องใช้ความคิดแบบการนิยมสิ่งที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งเกี่ยวข้องกับมาตรฐานในแต่ละช่วงเวลาที่เรารับได้ จงมีความคิดที่จะยกระดับมาตรฐานที่ผ่านกระบวนการต้นเหตุ อย่าเป็นคนที่เรียกร้องความสมบูรณ์แบบโดยขาดกระบวนการการยกระดับ เพราะการละทิ้งกระบวนการ ไปคาดหวังแต่ผลปลายทาง คือคนที่ไม่ใส่ใจในสิ่งที่เราเป็นผู้ควบคุม ยิ่งเราไม่ได้ควบคุม จะยิ่งถูกคนอื่นควบคุม ความไร้สุขก็จะเพิ่มทวี

6.เรียนรู้จากความล้มเหลว
ในโลกนี้คนสำเร็จที่เข้าใจทุกอย่างจนตัดสินใจทำอะไรแล้วพบแต่ความสำเร็จ 100% ตั้งแต่ต้นยังไม่เกิด ดังนั้น ขอให้มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อความล้มเหลว จงเรียนรู้จากความล้มเหลว แต่อย่าล้มเหลวที่จะเรียนรู้ ความล้มเหลวของเรามาจากสองสาเหตุใหญ่ นั่นก็คือการตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่ควรทำ กับการตัดสินใจไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ ทั้งสองประเภทความล้มเหลวนี้มีสาเหตุหลักๆเหมือนๆกันนั่นก็คือบางครั้งอาจจะเกิดจากผู้คนที่มาทำให้เราตัดสินใจผิด หรือไม่ก็เกิดจากข้อมูลเรื่องราวที่เราเข้าใจผิด หรือเข้าใจไม่ลึกซึ้งพอ ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ เมื่อล้มเหลวไปแล้วอย่าฟูมฟาย และห้ามใช้ระบบการคิด และการตัดสินใจแบบเดิมในการทำสิ่งใหม่ เพื่อเราจะได้ไม่ผิดพลาดซ้ำซากจนกลายเป็นระดับความโง่เขลาเบาปัญญา

7.จงมีแนวคิดแบบพัฒนาได้ อย่าย่ำอยู่กับที่

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดในการเรียนรู้ที่สุด ดังนั้น การพัฒนาตนอย่างต่อเนื่องจึงเป็นคุณสมบัติสำคัญที่แยกความต่างของมนุษย์ออกจากสัตว์ประเภทอื่นๆ ถ้าเราเลือกย่ำอยู่กับที่ ไม่สนับสนุนแนวคิดว่าตนเองหรือทีมพัฒนาได้ ก็เท่ากับเราเลือกที่จะเป็นคนไม่เต็มคน โดยเลือกที่จะเป็นคนดิบ ชีวิตเราก็จะเสียโอกาส ถ้าเราไม่ยอมอดทนในการพัฒนาผ่านความเจ็บปวดจากการมีวินัย เราก็ต้องเตรียมรอพบกับความเสียใจในช่วงวัยหมดสภาพ ดังนั้น จงหันมาพัฒนาตนอย่างต่อเนื่อง เพราะพัฒนาการและความก้าวหน้าคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีทั้งความสุขและความสำเร็จนั่นเอง