สวัสดีครับทุกท่าน พบกันครั้งนี้ตรงกับเดือนมิถุนายน 2563 ซึ่งยังคงเป็นช่วงเวลาที่พวกเราทุกคนต่างก็เผชิญกับความท้าทายและการปรับตัวจากผลพวงโควิด 19 อยู่ เพื่อให้ทุกท่านมีแนวทางในการขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างถูกต้อง ในครั้งนี้ผมจะแบ่งปันในเรื่อง “7 สิ่งที่ผู้นำต้องทำเพื่อการฝ่าด่านวิกฤตไปสู่เป้าหมาย” ดังนี้ครับ
1.ทำความเข้าใจเกมการแข่งขันแห่งยุคสมัย
เกมการแข่งขันเพื่อการไปสู่ชัยชนะในแต่ละเรื่องของมนุษย์นั้น จะแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัย นักร้องและทีมฟุตบอล ในยุคก่อนกับยุคปัจจุบัน มีเกมการเล่นที่ไม่เหมือนกัน นักร้องหรือแนวเพลงสมัยก่อน ก็ยากที่จะครองใจมหาชนในปัจจุบันได้ หรือทีมฟุตบอลถ้าเล่นเกมแบบสมัยก่อน ก็ยากที่จะเอาชนะในเกมการแข่งขันในยุคปัจจุบันได้ การขับเคลื่อนองค์กรหรือทีมงานก็เช่นเดียวกัน เราในฐานะผู้นำต้องปรับเปลี่ยนให้ทันเกม New Normal ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จึงจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ครับ
2.พัฒนาความสามารถหลักที่จำเป็นต้องมี
ความสามารถในการแข่งขันคือปจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนองค์ ภายใต้การเปลี่ยนกติกาการทำคะแนนเชิงธุรกิจ ย่อมต้องอาศัยความสามารถใหม่ๆจำนวนมาก และความสามารถของคนคนเดียว ไม่เพียงพอต่อการทำพันธกิจ ซึ่งต้องอาศัยความสามารถของคนในทีมงานทุกคนรวมกัน เราเรียกว่าเป็นความสามารถหลักของทีมหรือขององค์กร ถ้าทุกคนมีการอัพเกรดความสามารถ ให้มีความคิด ความรู้และความเข้าใจในงานความรับผิดชอบที่ทันสมัย เราก็จะมีความสามารถที่จะสร้างผลงานได้
3.ต้องนำด้วยการใส่ใจชีวิตของผู้คนที่ทำงานด้วย
มีกลยุทธ์การตลาดที่หลายองค์กรใช้อยู่คือการช่วยเหลือสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่มันมีประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ พนักงานในบริษัทหรือคนในทีมงานของเรา คือสังคมกลุ่มใกล้ชิดกับผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการ ดังนั้น เราจึงควรดูแลพวกเขาด้วยความรักและหัวใจ มีความจริงใจที่ต้องการให้เขาประสบความสำเร็จ และพร้อมสนับสนุนเขาให้มีทางเดินชีวิตที่มีความก้าวหน้า เมื่อเรานำคนด้วยหัวใจ ไม่ใช่นำด้วยผลประโยชน์ เราก็จะได้คนเต็มคน ที่มีทั้งหัวใจและมีพลังที่จะทำงานอย่างเต็มศักยภาพ
4.ต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง
ผู้นำคือคนที่นำตนเองและนำคนอื่นได้ แต่ผู้นำการเปลี่ยนแปลงคือผู้ที่นำตนเองและผู้อื่นให้มีการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งพัฒนาคนอื่นให้เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ถ้าเราสามารถส่งต่อไปจนถึงการที่ผู้นำการเปลี่ยนแปลงแต่ละคนสามารถไปสร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลงได้อีกหลายๆทอด เราจะครอบครองเครือข่ายผู้คนที่มีศักยภาพสูงมาก ทีมของเราก็จะสามารถสร้างผลลัพธ์ได้อย่างยิ่งใหญ่
5.ต้องสร้างนิเวศแห่งศักยภาพที่แข็งแกร่งยกทีม
ระบบนิเวศตามธรรมชาตินั้นมีผลต่อความเป็นไปของโลก ในขณะที่ระบบนิเวศของทีมก็มีผลต่อการสร้างผลงานของทีมเช่นกัน ระบบนิเวศทีมที่ดีนั้น ต้องประกอบด้วยผู้คนที่มีความหวัง มีความตื่นตัว มีพลังงาน คิด พูดและทำสิ่งต่างๆไปในแนวทางที่สร้างสรรค์ อีกทั้งพร้อมที่จะแบ่งปันและสนับสนุนผู้คนที่มีความตั้งใจให้ประสบความสำเร็จ ผู้นำต้องปลูกฝังให้แต่ละคนรู้จักนำพาตนเองไปอยู่ใกล้คนมีพลังและมีผลลัพธ์ เพื่อที่จะได้รับการถ่ายเทความกระตือรือร้นและความเชื่อมั่น จึงจะทำให้ตัวเองยังคงยืนหยัดอยู่ในลู่วิ่งที่ไปสู่จุดหมายปลายทางได้
6.เชื่อและมั่นใจเสมอว่า มันมีหนทางที่จะแปรวิกฤตเป็นโอกาสได้
ทุกๆวิกฤตที่เกิดขึ้น จะมีบางคนได้โอกาสใหม่ๆเสมอ เพียงแต่คนที่จะคว้าโอกาสได้นั้น จะต้องเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ และมีมุมมองในด้านที่ละเอียดอ่อนไปด้วยกัน เราจะมองเห็นเมื่อเรามองหา แต่การที่เราจะแปลงความคิดออกมาขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมได้นั้น เราจะต้องเป็นคนที่ศึกษาความเป็นไปของแนวโน้มตลาด รวมทั้งฤติกรรมของผู้คนอย่างทะลุปรุโปร่ง เราจึงจะมีความแหลมคมที่มากพอสำหรับการตัดสินใจ
7.ใช้หลัก “มากคือน้อย น้อยคือมาก” ในการสร้างผลลัพธ์
ในภาวะวิกฤตนี้ ผู้นำต้องรู้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญกว่าที่จะเลือกทำ ถ้าเราไม่รู้ เราจะทำมากสิ่งจนเหนื่อยแต่ได้ผลน้อย เราต้องไม่ลืมว่า ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เราแต่ละคนมีกำลังใจที่ดีคือ การสร้างผลลัพธ์ได้ตามที่คาดหวัง ซึ่งหลักการสร้างผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดคือความเข้าใจในเรื่องของ การทำมากสิ่งจะทำให้ได้น้อย การทำน้อยสิ่ง สุดท้ายจะทำให้เราได้ผลลัพธ์มาก ดังนั้น คุณจึงต้องเลือกให้ถูกว่า ไม่กี่สิ่งที่ถ้าคุณทำได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว มันจะทำให้คุณบรรลุเป้าหมายคืออะไร จากนั้นจดจ่อทำสิ่งนั้น คุณก็จะประสบความสำเร็จ
ทั้งหมดนี้คือ “7 สิ่งที่ผู้นำต้องทำเพื่อการฝ่าด่านวิกฤตไปสู่เป้าหมาย” ทุกท่านที่เห็นว่าน่าลอง ลองเอาไปใช้ดูนะครับ ผมเชื่อว่ามันสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการบรรลุเป้าหมายให้แก่คุณอย่างแน่นอนครับ
สวัสดีครับ