ในการเป็นผู้นำที่ทรงอิทธิพลนั้น มีหลายๆองค์ประกอบสำคัญๆที่จะทำให้เราเป็นผู้นำที่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อผู้อื่น ต่อทีมและต่อองค์กร ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของมุมมอง ความรู้ ความสามารถ การสื่อสาร การสร้างสายสัมพันธ์ การสร้างงานและการสร้างคน อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการรักษามาตรฐานองค์ประกอบต่างๆให้คงอยู่ในตัวเรานั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารจัดการอารมณ์ความรู้สึกของตัวเราเอง และเพื่อให้ทุกท่านมีหลักการที่ถูกต้องในการจัดการอารมณ์ของตัวเองได้ ในครั้งนี้ ผมจะแบ่งปันในเรื่องราวของ “7 เทคนิคในการบริหารอารมณ์ความรู้สึกให้เปี่ยมพลังตลอดวัน” ดังนี้ครับ
1.จงมีความหวังและความคาดหวังอย่างถูกต้อง
ความหวังเป็นสารหล่อเลี้ยงความมีชีวิตชีวาของมนุษย์ ถ้าเรามองไม่เห็นคุณค่าของความหวัง ก็ให้เราลองคิดว่าชีวิตนี้สิ้นหวังแล้วทุกสิ่ง ซึ่งเป็นอารมณ์ที่หดหู่สุดๆ เราก็จะรับรู้ได้ว่า ชีวิตที่ยังมีหวังนั้น ความหวังมันทำให้คนเราฮึดสู้พร้อมเดินหน้า เพียงแต่เราต้องคาดหวังอย่างถูกต้อง นั่นคือไม่คาดหวังอย่างลมๆแล้งๆ ไม่คาดหวังการนั่งรอ นอนรอโชควาสนา ยอมรับกฎแห่งเหตุและผล นั่นหมายถึงทุกสิ่งที่เราหวังต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้ ลงมือทำและวัดผลเพื่อเริ่มต้นใหม่อีกหลายๆรอบ
2.จงชัดเจนกับชีวิต
เราต้องเป็นคนที่มีเป้าหมายที่ต้องการจริงๆอย่างชัดเจน ในขณะเดียวกัน เราต้องโอบกอดความเป็นจริงในวันนี้ ยอมรับความจริงแต่ไม่ยอมแพ้ ไม่หลอกตัวเองและคนอื่น มีสติเชื่อมโยงกับตนเอง กล้าแสดงจุดยืนอย่างถูกต้อง กล้าปฏิเสธสิ่งที่ฝืนค่านิยมของตัวเรา ไม่เป็นคนเรียกร้องการเติมเต็มจากสิ่งภายนอก และมีแผนการทั้งการใช้เวลา การทำงานและการดูแลบริหารเงินที่หามาได้
3.จงใส่ใจตัวเอง
อย่าอยู่อย่างทิ้งขว้างตัวเอง ให้ใส่ใจทั้งความคิด ร่างกาย อารมณ์และจิตวิญญาณดูแลความคิดด้วยการเรียนรู้พัฒนาสติปัญญาอย่างต่อเนื่อง ดูแลร่างกายด้วยการออกกำลังกาย อาหารการกิน การพักผ่อนและการใช้เวลา ดูแลอารมณ์ด้วยหลักการที่ผมกำลังแบ่งปัน ดูแลจิตวิญญาณด้วยการอยู่กับธรรมชาติและค้นหาความหมายของชีวิตให้เจอ
4.จงมีความรักและสำนึกคุณ
ความรักในตนเอง รักบุคคลที่มีความสำคัญต่อชีวิตของเราและรักในงาน ส่งผลให้เรามีพลังแห่งการจดจ่อทั้งในการพัฒนาคุณภาพและลงมือทำให้ได้ปริมาณอย่างไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย ในขณะที่การสำนึกคุณในทุกสิ่งที่เราเป็น เรามีในปัจจุบันและโอกาสที่เราได้รับอยู่ จะช่วยทำให้เรารับรู้ถึงคุณค่าจนสามารถเริ่มต้นจากสิ่งที่เรามี ไม่มัวแต่ท้อแท้อยู่กับสิ่งที่เราขาด
5.จงตีความหมายต่อเหตุการณ์ที่มากระทบให้ตัวเราไปต่อได้
แก่นแท้ของชีวิตมนุษย์นั้น เปรียบเสมือนชีวิตกลางแจ้ง นั่นคือต้องเจอกับ ลม ฝน แดด ฝุ่นและพายุสลับกันไป ดังนั้น จึงเป็นเรื่องปกติที่ในแต่ละย่างก้าวของเรา จะมีเหตุการณ์หรือผู้คนที่มากระทบกับตัวเรา ซึ่งอาจเป็นทั้งเรื่องที่เป็นไปตามที่เราคาดหรืออาจผิดคาดก็ได้ เราจงอย่าเป็นฝ่ายรับได้เฉพาะเหตุการณ์ดีๆเท่านั้น จงสามารถรุกกลับเพื่อเปลี่ยนเกมกรณีเจอสิ่งกระทบที่ไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งอาจรุกกลับด้วยความยืดหยุ่นทางความคิด โดยการมองหาอีกด้านของเหรียญ หรือมองหาสัญญาณบวกจากปัญหาที่เราเจอ หรืออาจรุกกลับด้วยการเปลี่ยนแปลงการกระทำบางอยู่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง
6.จงแปลงความเจ็บปวดให้กลายเป็นพลัง
คนส่วนใหญ่ย่อมเจอความเจ็บปวดของชีวิตในบางด้านเสมอ เช่นความเจ็บปวดจากความยากจน ความไม่ก้าวหน้า ความด้อยโอกาส หนี้สินรุงรัง การไม่ได้รับการยอมรับ การถูกดูหมิ่นดูแคลน หรือแม้กระทั่งการต้องทำบางอาชีพที่เราไม่ได้ภาคภูมิใจเพื่อปากท้อง
ทุกๆความเจ็บปวดที่เราเจออยู่นั้น สามารถแปลงเป็นพลังบวกได้ โดยการคิดว่า “ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาในชีวิตเรา มันเกิดมาเพื่อรับใช้เรา” มันทำให้เราแกร่ง มันทำให้เราจำเป็นต้องฝ่าด่านออกไปด้วยความเข้มแข็งและด้วยการยกระดับความสามารถในการต่อสู้ และคิดไว้เสมอว่า “อะไรที่ฆ่าคุณไม่ตาย มันจะทำให้คุณแกร่งขึ้น”
7.จงเป็นและจงสร้างบรรยากาศที่มีพลังรอบๆตัวคุณ
การเป็นผู้นำคนต้องสามารถทำให้คนที่อยู่ด้วยมีความต้องการที่จะแสดงความสามารถเพื่อสร้างผลงานอย่างเต็มศักยภาพ หนึ่งในปัจจัยสำคัญมากๆคือการช่วยกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งหนึ่งในสิ่งแวดล้อมของการทำงานก็คือบรรยากาศ ผู้นำจะสร้างบรรยากาศที่ดีได้ ต้องเริ่มจากตัวผู้นำเป็นบรรยากาศที่ดีให้แก่คนอื่นๆก่อน จากนั้นบรรยากาศดีๆก็จะเริ่มขยายวงได้
ทุกท่านครับ การบริหารจัดการอารมณ์ความรู้สึกคือการวัดความเข้มแข็งและระดับความเป็นผู้นำในตัวเรา และมันคือการทำให้ตัวคุณมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่เหนือเหตุการณ์ข้างนอกที่มากระทบ
ถ้าคุณนำ “7 เทคนิคในการบริหารอารมณ์ความรู้สึกให้เปี่ยมพลังตลอดวัน”ไปใช้อย่างต่อเนื่อง คุณจะเป็นผู้นำที่เป็นนายเหนืออารมณ์ เป็นเจ้าของชีวิตที่มีความสุข มีความหมายและเป็นผู้นำที่ช่วยให้คนบรรลุเป้าหมายมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอนครับ
สวัสดีครับ