กรอบความคิดของคนแต่ละคนคือรากฐานสำคัญที่มีผลต่อวิธีการเรียนรู้ วิธีคิดและพฤติกรรมของเขา ซึ่งวิธีการเรียนรู้ วิธีคิดและพฤติกรรม ก็จะส่งผลต่อการใช้ชีวิต การทำงาน และภาวะผู้นำที่มีผลต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวของชีวิตในที่สุด
ในฐานะผู้นำอย่างเรา กรอบความคิดไม่เพียงส่งผลต่อชีวิตของเราเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อชีวิตของคนที่อยู่กับเรา และส่งผลต่อทีมงานหรือองค์กรที่เราบริหารงานอีกด้วย ดังนั้นใครก็ตามที่ต้องการเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ จำเป็นที่จะต้องพัฒนาตนจนกลายเป็นผู้นำที่มีกรอบความคิด 4 กรอบความคิดสำคัญ ดังนี้
1.กรอบความคิดแบบเติบโต ซึ่งตรงกันข้ามกับกรอบความคิดแบบตายตัว
คนที่มีกรอบความคิดแบบเติบโต จะเชื่อว่าความสามารถ ความฉลาด ความเก่งและความเชี่ยวชาญนั้นสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ จึงเป็นคนที่เชื่อในการเรียนรู้ การใช้ความพยายาม กล้าที่จะลองของใหม่ ยอมรับความผิดพลาดและเรียนรู้จากมัน หากคุณเป็นผู้นำที่มีกรอบความคิดแบบเติบโต คุณจะใส่ใจเรื่องการพัฒนาตน และพัฒนาคนในทีม คุณจะยอมรับให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้นในทีม เพื่อให้เขาได้เรียนรู้และกล้าคิดริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรของคุณเติบโต
ดังนั้น คุณจึงต้องตรวจสอบตนเองว่า ทุกวันนี้คุณได้ใช้ความพยายามเพื่อสร้างผลลัพธ์มากพอหรือยัง คุณได้เรียนรู้จากคำวิจารณ์หรือไม่ คุณอ้าแขนรับโอกาสใหม่ๆหรือเปล่า และคุณมีความมุ่งมั่นที่จะไปต่อแม้ว่าจะพบกับความล้มเหลวหรือไม่ ถ้าคำถามเหล่านี้คุณตอบว่าใช่ นั่นแสดงว่าคุณมีกรอบความคิดแบบเติบโต
2.กรอบความคิดแบบเปิดรับซึ่งตรงกันข้ามกับกรอบความคิดแบบปิดกั้น
กรอบความคิดแบบเปิดรับ ช่วยให้คุณได้ข้อมูล ความรู้และความคิดใหม่ๆ ช่วยให้คุณแก้ไขจุดบอดบางเรื่อง และแก้ไขอคติของตัวเองได้ นอกจากนั้น ยังช่วยให้คุณมีข้อได้เปรียบตรงที่ คุณจะเป็นคนไม่ด่วนตัดสิน คุณจะเป็นคนที่ยอมใช้เวลาในการประเมินมุมมองใหม่ๆ สำรวจมุมมองอื่นๆและสถานการณ์อย่างเที่ยงตรงและยังยกระดับความสามารถในการถามคำถามอีกด้วย
ดังนั้น ถ้าคุณเป็นผู้นำที่มีกรอบความคิดแบบเปิดรับ ผู้ตามก็จะกล้าเสนอความคิดเห็น พวกเขาจะรู้สึกสนุกในการทำงานและองค์กรของคุณจะมีความคิดสร้างสรรค์และไอเดียใหม่ๆเพิ่มขึ้น
3.กรอบความคิดแบบส่งเสริมซึ่งตรงกันข้ามกับกรอบความคิดแบบสกัด
ผู้นำที่มีกรอบความคิดแบบส่งเสริม จะเป็นผู้นำเชิงรุกไม่ตั้งรับ เป็นคนที่เล่นเพื่อให้ชนะ ไม่ใช่เล่นเพื่อไม่ให้แพ้ เป็นคนที่วัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ชัดเจน เป็นผู้ขับขี่ ไม่ใช่ผู้โดยสาร เป็นผู้ออกแบบ กำหนดและควบคุม ไม่ใช่คนลอยตามลม และที่สำคัญก็คือ เป็นคนจดจ่อโอกาสและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง
ดังนั้น ถ้าคุณเป็นผู้นำที่มีกรอบความคิดส่งเสริม คุณจะมุ่งสู่เป้าหมายที่ชัดเจน โดยการไปให้สุดศักยภาพทั้งทีม คุณจะมองหาโอกาสใหม่ๆเพื่อนำทีมสู่การเติบโต และที่สำคัญคือ คุณจะสร้างทีมงานที่มีความกระตือรือร้น มีความเชื่อมั่น และมีผลงาน
4.กรอบความคิดแบบมองออกซึ่งตรงกันข้ามกับกรอบความคิดแบบมองเข้า
ผู้นำที่มีกรอบความคิดแบบมองออก จะมองคนอื่นเป็นคน ไม่ใช่มองเป็นวัตถุ จะใส่ใจความต้องการ ความหวังและความปรารถนาของคนอื่น จะไม่คิดถึงแค่ความต้องการของตนเอง
นอกจากนั้น ยังส่งเสริมบรรยากาศการทำงานที่มีความสุข ไม่ตึงเครียดจนเกินไป คิดเสมอว่า ถ้ามีอะไรที่เป็นอุปสรรค บางทีตัวเองอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ใช่ไปเที่ยวโทษจับผิดคนอื่นท่าเดียว และที่สำคัญก็คือ คุณจะมองเห็นความดีของคนอื่น คิดเสมอว่าคนอื่นได้ทำอย่างเต็มที่ในขณะนั้นแล้ว
ดังนั้น ถ้าคุณมีกรอบความคิดแบบมองออก คุณจะมองเห็นคุณค่าของคนอื่น ทุกคนจะได้รับเกียรติอย่างสมศักด์ศรี ทำให้ผู้คนมีพลังในการขับเคลื่อนที่ดี การร่วมแรงร่วมใจของทีมก็จะขยายวงเพิ่มขึ้น จนสามารถสร้างพลังทีมที่ยิ่งใหญ่ได้
หากใครก็ตามที่ตัดสินใจพัฒนาสี่กรอบความคิดนี้อย่างต่อเนื่อง คุณก็จะกลายเป็นผู้นำที่มีทั้งสายสัมพันธ์ สร้างผลงานและสร้างคนได้อีกด้วย และเมื่อคุณสร้างคนได้ ความสำเร็จขององค์กรก็จะขยายขนาดการเติบโตไปสู่จุดที่สำเร็จอย่างยั่งยืนได้