83 ปี กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เราจะรับผิดชอบต่อโลกนี้ตลอดไป

0
21

นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นประธานเปิดงาน
วันคล้ายวันสถาปนากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ภายใต้ชื่องาน “83 ปี กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เราจะรับผิดชอบต่อโลกนี้ตลอดไป”

โดยมีผู้บริหาร อดีตผู้บริหารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุม 110 อาคาร 100 ปี การสาธารณสุขไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จังหวัดนนทบุรี โดยกิจกรรมในช่วงเช้าจะเป็นพิธีสงฆ์ และมอบรางวัลแก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่น คนดีศรีกรม และบุคลากรดีเด่น ประจำปีงบประมาณ 2567 ในช่วงบ่ายมีกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญประโยชน์ภายในหน่วยงานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และให้บริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก สำหรับหญิงไทยกลุ่มเป้าหมาย อายุ 30-60 ปี ที่ไม่เคยรับการตรวจมะเร็งปากมดลูกในรอบ 5 ปี โดยใช้ชุดเก็บตัวอย่างด้วยตนเอง (HPV Self-sampling) ฟรี

นายแพทย์ยงยศ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จัดตั้งขึ้นภายใต้กระทรวงสาธารณสุข มีบทบาทภารกิจในการให้บริการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ชันสูตรโรค และเฝ้าระวังความปลอดภัยทางห้องปฏิบัติการด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข นับจากที่ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2485 จนในปีนี้ครบรอบ 83 ปีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้สนับสนุนการดำเนินงานด้านสาธารณสุขของประเทศมากมาย ทั้งการป้องกัน คุ้มครองผู้บริโภค และสร้างองค์ความรู้จากการวิจัยด้วยวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อจะ มุ่งไปสู่การพัฒนางานสาธารณสุขของไทยในอนาคต รวมทั้งดูแลสังคมไทย

นายแพทย์ยงยศ กล่าวต่อว่า เรานําเสนอสิ่งที่เป็นโอกาสของประเทศอยู่เสมอ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ดำเนินโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โครงการตรวจ NAT2 สำหรับปรับระดับยาต้านวัณโรค Isoniazid การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยใช้ชุดเก็บตัวอย่างด้วยตนเอง (HPV Self-sampling) การวิจัยพัฒนาการแพทย์ขั้นสูง เช่น การถอดรหัสพันธุกรรม การตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ ด้วยวิธี NIPT การคัดกรองพันธุกรรมธาลัสซีเมียในประเทศไทย การวิจัยพัฒนาสเต็มเซลล์ การวิจัยพัฒนาวัคซีน การรับรองห้องปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข การพัฒนา
การตรวจสอบตามหลักการ OECD GLP การพัฒนาเครือข่ายห้องปฏิบัติการระดับภูมิภาค การพัฒนานวัตกรรมและชุดทดสอบ การวิจัยพัฒนาสมุนไพร เช่น กระท่อม เพื่อสนับสนุนการใช้ประโยชน์ทั้งภายในประเทศ และ การส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ ยกระดับเศรษฐกิจประเทศไทย สร้างรายได้เกษตรกร การตรวจรับรองผลิตภัณฑ์สุขภาพ ยา เครื่องสำอาง และเครื่องมือแพทย์ เป็นต้น


นอกจากนี้ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม กรมก็ได้ให้ความสำคัญเช่นกัน โดยสนับสนุนให้มีการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือก โดยมีความร่วมมือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จัดทำโครงการจัดการพลังงานไฟฟ้าจากระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ติดตั้งบนหลังคาอาคารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งมีขนาดกำลังผลิต 900 กิโลวัตต์ ทำให้สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้เดือนละ 5 หมื่นบาท ปีละกว่า 6 แสนบาท หรือประหยัดไฟฟ้าสะสม 20 ปี มากว่า 10 ล้านบาท และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ได้ 43.099 ตันต่อเดือน

ขณะเดียวกันก็ได้สนับสนุนผลักดันคนรุ่นใหม่สู่อนาคต เพื่อร่วมกันรับผิดชอบต่อโลก และสังคม รวมทั้งสนับสนุนบุคลากรภายในกรมให้มีความก้าวหน้า และมีความผาสุกในการทำงาน มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ ลานกีฬา และมีกิจกรรมส่งเสริมความผูกพันในองค์กรอย่างจริงจังเป็นรูปธรรมทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค ทำให้กรมเป็นบ้านอีกหลังของทุกคน และมีการจัดตั้งสมาคมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาและรักษาคุณค่าวิชาชีพวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้เจริญก้าวหน้าตามมาตรฐานสากล และเพื่อเป็นศูนย์รวมของผู้ประกอบวิชาชีพในการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นเกี่ยวกับวิชาชีพ มุ่งสู่ความเป็นเลิศ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้เพื่อให้บรรลุตามจุดม่งหมายของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ “เราจะรับผิดชอบต่อโลกนี้ตลอดไป”

“สำหรับการจัดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครบรอบ 83 ปี ในช่วงเช้าจะมีพิธีสงฆ์ และพิธีมอบโล่รางวัลและประกาศนียบัตรแก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่น คนดีศรีกรม และบุคลากรดีเด่น จำนวน
34 ราย ส่วนในช่วงบ่ายมีกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญประโยชน์ภายในหน่วยงานบริเวณกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้บริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

โดยขอเชิญชวนหญิงไทยกลุ่มเป้าหมาย อายุ 30-60 ปี ที่ไม่เคยรับการตรวจมะเร็งปากมดลูกในรอบ 5 ปี เนื่องจากโรคมะเร็งปาดมดลูกพบมาก 1 ใน 5 ของมะเร็งที่พบบ่อยในหญิงไทย สาเหตุสำคัญมาจากการติดเชื้อเอชพีวี ส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการ และมากกว่าร้อยละ 90 จะหายได้เอง ดังนั้นการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยใช้ชุดเก็บตัวอย่างด้วยตนเอง (HPV Self-sampling) จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการป้องกันมะเร็งปากมดลูก ตรวจง่าย ไม่ต้องขึ้นขาหยั่ง เพิ่มโอกาส ในการตรวจพบความผิดปกติ และเข้าสู่การรักษาได้ตั้งแต่แรกเริ่ม” นายแพทย์ยงยศ กล่าว