กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยสถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) จัดงานสัมมนาวิชาการด้านวัณโรค “Ending TB Seminar – Thailand’s High TB Burden: Challenges and Pathways to Solutions” ณ โรงแรมอมารี
ดอนเมือง แอร์พอร์ท กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 เพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทางการแพทย์ ในการใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยีรุ่นใหม่มาประยุกต์ใช้ร่วมกับวิธีการค้นหา รักษา ควบคุม และป้องกันวัณโรคของประเทศไทย รวมถึงเสริมสร้างเครือข่ายการวิจัยด้านวัณโรคในประเทศไทย
ในการเปิดงาน นายแพทย์บัลลังก์ อุปพงษ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาวัณโรค ซึ่งยังคงเป็นภาระสำคัญของประเทศไทย แม้ว่าประเทศไทยจะหลุดจากกลุ่มประเทศที่มีภาระวัณโรคดื้อยาหลายขนานสูง (MDR/RR-TB) ตั้งแต่ปี 2564 แต่ยังคงมี อุบัติการณ์วัณโรคสูงถึง 157 รายต่อประชากรแสนคน หรือประมาณ 113,000 รายองค์การอนามัยโลก (WHO) และสหประชาชาติ (UN) กำหนดให้ การยุติวัณโรคเป็นเป้าหมายสำคัญในแผนพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ภายใต้ ยุทธศาสตร์ยุติวัณโรค (End TB Strategy 2035)
งานสัมมนาครั้งนี้ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศร่วมบรรยาย ได้แก่ นายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ที่นำเสนอหัวข้อ “Thailand’s Current Situation and Commitment to Ending TB” และ Dr. Ikushi Onozaki กับ Dr. Takashi Yoshiyama จาก The Research Institute of Tuberculosis (RIT/JATA) ที่ร่วมแบ่งปันข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการปรับปรุงกระบวนการคัดกรองเพื่อค้นหาผู้ป่วยวัณโรคที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัย รวมถึงการแก้ปัญหาวัณโรคในผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ (Asymptomatic TB) และวัณโรคแฝง (LTBI) นอกจากนี้ แพทย์หญิงผลิน กมลวัทน์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารโครงการกองทุนโลก ได้นำเสนอบทบาทของกองทุนโลกในการสนับสนุนยุทธศาสตร์ยุติวัณโรคของประเทศไทย
ช่วงบ่ายของงานเป็นการเสวนาในหัวข้อ “Why Does Thailand Still Struggle with TB?” โดยมีผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสาเหตุที่ประเทศไทยยังมีภาระวัณโรคสูง และแนวทางการแก้ไขปัญหาทั้งในระดับนโยบายและปฏิบัติการ ปิดท้ายด้วยกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “Analyzing Missing Cases: Tools and Strategies” และ “Optimizing Case Finding: Practical Approaches” ซึ่งเน้นการค้นหาผู้ป่วยวัณโรคเชิงรุกและพัฒนาประสิทธิภาพการคัดกรอง
งานสัมมนานี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่สนับสนุนการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายการยุติวัณโรคตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การอนามัยโลกและสหประชาชาติ เพื่อมุ่งสู่ “ประเทศไทยปลอดวัณโรค”