LONGi ผสานรวมเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์และสุนทรียะในงานสถาปัตยกรรมเข้ากับโมดูล Hi-MO 6

0
595

พลังงานแสงอาทิตย์ถือเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่เติบโตมากเป็นอันดับต้น ๆ ในด้านการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยได้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าทั่วโลกในอนาคต การอัปเกรดเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ ประกอบกับสถานการณ์การใช้งานที่เพิ่มขึ้น เป็นผลทำให้แผงพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับการติดตั้งบนหลังคาบ้านเรือน อาคารพาณิชย์และโรงงานอุตสาหกรรม มีศักยภาพอย่างมหาศาล โดยนักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมระบุว่าการใช้งานผลิตภัณฑ์แผงพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบดังกล่าว คิดเป็นสัดส่วน 47.9% ของกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งใหม่ทั่วโลกในปีพ.ศ. 2564 โดยในจำนวนนี้มีผู้ใช้งานกลุ่มที่อยู่อาศัยคิดเป็นสัดส่วน 26% ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาห้าปีติดต่อกัน

เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการของผู้ใช้พลังงาน ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ LONGi จึงได้ทำการสำรวจผู้ใช้งานปลายทางหลายพันคนในช่วงสองปีที่ผ่านมา จนได้ข้อสรุปว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเขากำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานประสิทธิภาพและความปลอดภัยเข้ากับสุนทรียศาสตร์ทางสถาปัตยกรรมอย่างลงตัวโดยผลลัพธ์ที่ได้ก็คือการถือกำเนิดขึ้นของ Hi-MO 6 ซึ่งเป็นแผงผลังงานแสงอาทิตย์ตัวแรกที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับตลาดผู้บริโภคกลุ่มที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์และโรงงานอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยใช้เทคโนโลยี HPBC (Hybrid Passivation Back Contact) ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งนี้ Hi-MO 6 ยังคงไว้ซึ่งเวเฟอร์ขนาด M10 (182 มม.) ตามมาตรฐานพร้อมด้วยประสิทธิภาพของแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่สูงถึง 22.8% ในการผลิตเชิงพาณิชย์

HPBC (Hybrid Passivated Back Contact) หรือการสัมผัสด้านหลังของเซลล์แสงอาทิตย์ที่ผ่านกระบวนการสร้างฟิล์มแบบไฮบริด เป็นเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ประสิทธิภาพสูงแบบใหม่ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในด้านการออกแบบบริเวณด้านหน้าของแผงพลังงานแสงอาทิตย์แบบไร้บัสบาร์ อีกทั้งทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ LONGi ได้พัฒนาโครงสร้างเซลล์และวิธีการทางเทคโนโลยีสำหรับเซลล์ HPBC ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยผสมผสานหน้าสัมผัสเซลล์แสงอาทิตย์ที่ด้านหลัง การสร้างฟิล์มบนหน้าสัมผัสของเซลล์แสงอาทิตย์ และเทคโนโลยีป้องกันแสงสะท้อน จึงทำให้ประสิทธิภาพการผลิตเชิงพาณิชย์ของเซลล์ HPBC มาตรฐานนั้นสูงกว่า 25% ในขณะที่รุ่น PRO ซึ่งได้ทำการยกระดับด้วยเทคโนโลยีสร้างฟิล์มด้วยไฮโดรเจนนั้นมีประสิทธิภาพเกิน 25.3% โดยนวัตกรรมเทคโนโลยีดังกล่าวนั้น ถือเป็นการยกระดับประสิทธิภาพของแผงพลังงานแสงอาทิตย์และความสามารถในการติดตั้งไปอีกขั้น

Hi-MO 6 ปรับปรุงสมรรถนะการผลิตไฟฟ้าในทุกมิติของประสิทธิภาพ อาทิ ความสามารถในการดูดกลืนแสง การคงประสิทธิภาพภายใต้สภาวะอุณหภูมิสูง การตอบสนองในสภาวะการมีแสงรังสีต่ำ และการเสื่อมสภาพของแผงพลังงานแสงอาทิตย์ โดยข้อมูลจากการจำลองการผลิตไฟฟ้าในภูมิภาคทั่วไปทั้งหกทวีป (ยกเว้นแอนตาร์กติกา) ค้นพบว่า Hi-MO 6 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึง 10% เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีเซลล์แบบ PERC ซึ่งเมื่อเทียบกับเทคโนโลยี PERC และ TOPCon แล้ว Hi-MO 6 ยังสามารถเพิ่มความจุติดตั้งได้อย่างมากเนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงขึ้นภายใต้พื้นที่หลังคาที่จำกัด ในขณะที่การไม่มีริบบอนหรือบัสบาร์ที่ด้านหน้าเซลล์นั้นช่วยเพิ่มการดูดกลืนแสงได้มากถึง 2.27% เมื่อมีแสงตกกระทบจากหลายมุม ส่วนค่าสัมประสิทธิ์อุณหภูมิพลังงานนั้นมีค่าที่ต่ำลงถึง -0.29%/℃ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง ในขณะเดียวกันยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพยอดเยี่ยมในสภาวะที่มีการฉายรังสีต่ำ โดยภายใต้สภาวะที่มีแสงน้อยนั้นด้วยคุณสมบัติแรงดันไฟฟ้าที่สูงของผลิตภัณฑ์ตัวนี้ช่วยให้สามารถเข้าถึงช่วงแรงดันไฟฟ้าที่ใช้งานของอินเวอร์เตอร์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ในขณะที่การเสื่อมสภาพเชิงเส้นที่ต่ำกว่าช่วยให้มั่นใจได้ถึงการผลิตไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงตลอดวงจรอายุการใช้งานแผงพลังงานแสงอาทิตย์

ในแง่ของความน่าเชื่อถือ Hi-MO 6 ใช้เทคโนโลยีการเชื่อมแบบสัมผัสด้านหลังเซลล์แสงอาทิตย์ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น โดยใช้โครงสร้างแบบเส้นตรงแทนโครงสร้างรูปตัว Z แบบดั้งเดิม เพื่อลดความเค้นที่ขอบเซลล์และช่วยเพิ่มความทนทานต่อการแตกร้าวภายในตัวเซลล์ Hi-MO 6 ยังแสดงให้เห็นประสิทธิภาพที่เหนือกว่าในการรักษากำลังขับไฟฟ้าที่เสถียรและต่อเนื่องภายใต้สภาวะที่แปรปรวนได้ดีอีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ Hi-MO 6 ทั้ง 4 ซีรีส์มอบความพิเศษเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน รองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบลูกค้าในตลาดล้วนแล้วแต่มีความต้องการที่หลากหลาย โดยพิจารณาจากสถานการณ์การใช้งานที่แตกต่างกันทำให้มีข้อกำหนดผลิตภัณฑ์ต่างกันไปโดยปริยาย ด้วยเหตุนี้ ทีมวิจัยและพัฒนาของ LONGi จึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Hi-MO 6 ทั้งหมดรวม 4 ซีรีส์ ได้แก่

นักสำรวจ: คลาสสิก แต่พลิกวงการ
ผลิตภัณฑ์ซีรีส์ Explorer (นักสำรวจ) เป็นผลิตภัณฑ์ตัวหลักของ Hi-MO 6 โดยนำเสนอประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าที่เหมาะสมที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าส่วนใหญ่ ตั้งแต่ครัวเรือนที่อยู่อาศัยไปจนถึงภาคการค้าและอุตสาหกรรม

นักวิทยาศาสตร์: การทำให้ดีขึ้นคือมาตรฐานของเราผลิตภัณฑ์ซีรีส์ Scientist (นักวิทยาศาสตร์) มุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพสูงและเหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด เช่น บริษัทที่มีความต้องการพลังงานสูง ผลิตภัณฑ์นี้มาพร้อมเซลล์ HPBC PRO ที่เคลือบด้วยไฮโดรเจน ซึ่งได้รับการยกระดับโดยการขยายระยะเวลาการรับประกัน การตรวจสอบจากระยะไกล การตรวจสอบเป็นประจำ และการวิเคราะห์คุณภาพการปฏิบัติงาน ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นพิเศษในซีรีส์นี้ ช่วยให้ลูกค้าสามารถติดตั้งโรงไฟฟ้าในโรงงานผลิตและพื้นที่อื่น ๆ ได้อย่างมั่นใจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการประหยัดพลังงานและการลดคาร์บอนเป็นเวลาอย่างน้อย 25 ปี

ผู้พิทักษ์: สร้างอนาคตอันชาญฉลาด
ผลิตภัณฑ์ซีรีส์ Guardian (ผู้พิทักษ์) มุ่งรักษาความปลอดภัยอย่างชาญฉลาด ใช้การบูรณาการตัวเพิ่มประสิทธิภาพอัจฉริยะที่ติดตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้า เพื่อทำให้แผงพลังงานแสงอาทิตย์ฉลาดขึ้นในทุกมิติ ขณะที่อัลกอริทึมสามารถให้การวิเคราะห์ที่ชาญฉลาดและแม่นยำช่วยให้ตรวจสอบโรงไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยสามารถปิดการทำงานของระบบอย่างรวดเร็วได้ในกรณีฉุกเฉินเพื่อปกป้องผู้คนและทรัพย์สิน ทั้งยังมีฟังก์ชันการควบคุมอิสระและการเพิ่มประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์ภายในแต่ละแผงฯ ซึ่งสามารถเพิ่มการผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ 5-30% โดยมีความสามารถของสตริงที่สูงขึ้นและการออกแบบที่ยืดหยุ่น เพื่อเพิ่มกำลังความจุติดตั้งโดยไม่ต้องคำนึงถึงการวางแนว

ศิลปิน: เทคโนโลยีและศิลปะที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวผลิตภัณฑ์ซีรีส์ Artist (ศิลปิน) ตอบสนองความต้องการทางสุนทรียศาสตร์ของสถาปนิก จึงฉีกธรรมเนียมของแผงเซลล์แสงอาทิตย์สีดำแบบขนาดเดียวที่ใช้ได้กับทุกงาน เพื่อนำเสนอบริการในด้านขนาดและสีที่กำหนดเองได้ สะท้อนความเป็นตัวตนได้อย่างอิสระ ซึ่งเป็นที่น่าสนใจเป็นพิเศษสำหรับอาคารที่เป็นแลนด์มาร์ก เช่น สนามกีฬา สถานที่ทางวัฒนธรรม และสถานที่จัดนิทรรศการ รวมถึงที่พักอาศัยระดับหรูที่ต้องการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์โดยไม่กระทบต่อความสวยงาม

ทั้งนี้ Hi-MO 6 มีวางจำหน่ายในสไตล์ Obsidian Black (แผ่นหลังสีดำ) และ Star (แผ่นหลังสีขาว) เพื่อตอบสนองความต้องการด้านสุนทรียศาสตร์ที่หลากหลายจากทั่วโลก และส่งเสริมการออกแบบสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน