
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารหอพระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช (รัชกาลที่ 4) (เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568) เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระองค์ ในฐานะองค์มหาราชของปวงชนชาวไทย และเนื่องในโอกาสครบรอบ 65 ปีแห่งการก่อตั้งสถาบันฯ ณ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)

ในโอกาสนี้ พระองค์ทรงวางพวงมาลาถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พร้อมทอดพระเนตรนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และพระอัจฉริยภาพด้านดาราศาสตร์และโหราศาสตร์
ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของไทย โดยเฉพาะการคำนวณการเกิดสุริยุปราคาในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 ซึ่งพระองค์ทรงคำนวณล่วงหน้า 2 ปี แสดงถึงพระอัจฉริยภาพที่ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก

อาคารหอพระราชประวัติฯ ได้รับการออกแบบเป็นอาคารทรงไทย 1 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 2,600 ตารางเมตร ประกอบด้วยส่วนจัดแสดงต่างๆ ได้แก่ ส่วนที่ 1 ห้องเทิดพระเกียรติรัชกาลที่ 4 ด้านดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ ในฐานะองค์มหาราชและพระอัจฉริยภาพในด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปะศาสตร์ และรัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตลอดจนประวัติศาสตร์ที่มีผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ เนื้อหาและสื่อจัดแสดงภายใต้แนวคิด “เมื่อดาราประกายแสงแห่งปัญญา” เพื่อให้องค์ความรู้ส่งต่อไปยังการศึกษาต่อยอดในสังคมไทยและโลกต่อไป
ส่วนที่ 2 ลานนวัตกรรมดาราศาสตร์ ภายใต้แนวคิด “แผนที่ฟ้าเฉลิมพระเกียรติ” จัดแสดงแผนที่ท้องฟ้าตามมาตรฐานราชสมาคมดาราศาสตร์ไทยและสากล ซึ่งแสดงตำแหน่งดวงดาวที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงคำนวณการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงที่บ้านหว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 สำเร็จและองค์การยูเนสโกประกาศยกย่องพระองค์ท่านให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยมีคณะทำงานสำคัญได้แก่ ผศ.ดร.ทอแสงรัศมี ถีถะแก้ว อาจารย์ภูธร ภูมะธน อาจารย์ อารี สวัสดี อาจารย์วรพล ไม้สน และอาจารย์ภาณุ ไชยสิทธิ์
ส่วนที่ 3 หอพระนิรันตราย(จำลอง) ขนาดหน้าตัก 40.19 นิ้ว จัดสร้างขึ้นใหม่ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเพื่อเป็นพระประจำสถาบันฯ เนื่องจากเป็นพระพุทธรูปที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นสะท้อนแนวคิดพุทธศาสนาแบบสัจนิยม ธรรมยุติกนิกาย ที่พระองค์ทรงก่อตั้งเมื่อครั้งทรงผนวช โดยมีคณะทำงานสำคัญได้แก่ ศาสตราจารย์ วัชรี สวามิวัศวุ์ รศ.ดร.จรสวรรณ โกยวาณิช ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ชัชวาล อ่ำสมคิด อาจารย์คมกฤช เทพเทียน และอาจารย์กรรณ์ธพญษ์ จันทร์ฉาย
ส่วนที่ 4 คือ หอประวัติสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ภายใต้แนวคิด “จากประวัติศาสตร์สู่การเป็นผู้นำนวัตกรรมระดับโลก” จัดแสดงประวัติการก่อตั้งสถาบันฯ บุคคลสำคัญ งานวิจัย และนวัตกรรมที่โดดเด่น ตลอดจนบุคลากร นักศึกษา นักวิจัย คณาจารย์ ผู้สร้างชื่อเสียงให้แก่สถาบัน ในรูปแบบมัลติมีเดียในเหตุการณ์สำคัญตลอดช่วงเวลามาจนถึงในโอกาสครบรอบ 65 ปีวันคล้ายวันสถาปนา โดยมีคณะทำงานสำคัญได้แก่ ผศ.สรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ ดร.กมล เกียรติเรืองกมลา และนายโกมล วาดเขียน
ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร. คมสัน มาลีสี อธิการบดี กล่าวว่า การดำเนินโครงการปรับปรุงอาคารนวัตกรรมเฉลิมพระเกียรติ ลานอุทยานพระจอมเกล้า และภูมิทัศน์โดยรอบ เพื่อพัฒนาให้เป็น “อาคารหอพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช” ถือเป็นความตั้งใจอย่างยิ่งของชาว สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เนื่องในโอกาสครบรอบ 65 ปี ของการก่อตั้งสถาบัน โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความรักและความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า เนื่องจากสถาบันได้รับพระราชทานนามจาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ผู้ทรงเป็นบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย และยังได้รับการยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก ในโอกาสนี้ ขอขอบพระคุณที่ปรึกษาโครงการ ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการดำเนินโครงการทุกฝ่าย ตลอดจนผู้บริหาร คณาจารย์ ศิษย์เก่า ผู้เกษียณอายุ และผู้บริจาคทุกท่าน ที่ได้ร่วมมือกันจนทำให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
นอกจากนี้ องค์ความรู้ที่คณะทำงานได้ศึกษาค้นคว้า ยังถูกนำเสนอในรูปแบบของ นิทรรศการลานนวัตกรรมดาราศาสตร์ รวมถึงการจัดทำหนังสือชุดความรู้เรื่อง “ดาราศาสตร์ไทยสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ” ซึ่งเขียนโดย อาจารย์ภูธน ภูมะธน และได้รับการเรียบเรียงและตรวจทานโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทอแสงรัศมี ถีถะแก้ว ข้อมูลทั้งหมดได้ผ่านการตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อนจัดพิมพ์และเผยแพร่ในเร็ว ๆ นี้
หนังสือชุดนี้จะเป็นแหล่งความรู้สำคัญในการศึกษาและทำความเข้าใจพระราชประวัติของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งทรงเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม อันจะนำไปสู่การต่อยอดเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดแก่สังคมไทย ทั้งยังสอดคล้องกับ วิสัยทัศน์ของสถาบันฯ ในการมุ่งสู่ความเป็น “The World Master of Innovation” หรือ ผู้นำด้านนวัตกรรมระดับโลก ต่อไป
ผู้สนใจสามารถบริจาคให้แก่โครงการนี้ เพื่อรับองค์พระนิรันตรายจำลองขนาด 5.9 นิ้ว และ 4 นิ้ว และเหรียญพระนิรันตรายเป็นของสมนาคุณ ได้ที่ https://donation.kmitl.ac.th/