KBank Private Banking นำเสนอกองทุนหุ้นเทคฯ นอกตลาด ในช่วงเริ่มก่อตั้ง กับโอกาสคว้าผลตอบแทนที่เหนือกว่าในธุรกิจศักยภาพเติบโตสูงทั่วโลก

0
666

KBank Private Banking (เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง) ประเมินเศรษฐกิจโลกยังคงต้องเผชิญกับ ความท้าทายรอบด้าน ราคาสินทรัพย์ในตลาดแทบทุกประเภทผันผวน นักลงทุนไม่สามารถสร้างผลตอบแทนตามที่คาดหวังได้จากการลงทุนในตลาด จึงแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด (Private Asset) ล่าสุดร่วมกับพันธมิตรระดับโลกไพรเวทแบงก์จากสวิตเซอร์แลนด์ Lombard Odier (ลอมบาร์ด โอเดียร์) นำเสนอกองทุนหุ้นนอกตลาด (Private Equity Fund) ที่เน้นลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งกิจการ หรือ Venture Capital (VC) ผ่านกองทุนเปิด K Global VC PE 23A ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (K-GVC23A-UI) เน้นธีมเทคโนโลยี โดยกองทุนนี้ถือเป็นกองทุนแรกๆ ในไทย ที่เน้นลงทุนใน VC เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น หากธุรกิจสามารถพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์หรือบริการได้อย่างประสบความสำเร็จในอนาคต

ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ Senior Managing Director, Private Banking Business Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า นักลงทุนที่ลงทุนในตลาดทุนกำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน จาก 3-4 ปัจจัยหลัก ไม่ว่าจะเป็น อัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ดอกเบี้ยทั่วโลกยังไม่แน่นอนว่าอยู่ในช่วงขาลงแล้วหรือยัง ทำให้โอกาสที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยยังคงมีอยู่ และยังมีความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงต้องจับตา ทำให้ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนจึงไม่สามารถสร้างผลตอบแทนตามที่คาดหวังได้จากการลงทุนในตลาด KBank Private Banking ในฐานะที่ปรึกษาด้านการลงทุนจึงเฟ้นหาผลิตภัณฑ์ที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นให้กับนักลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมแนะนำให้นักลงทุนแบ่งสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20-25% ของพอร์ตการลงทุน เพราะเชื่อว่าราคาของสินทรัพย์นอกตลาดจะไม่ผันผวนแต่จะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินการที่แท้จริง จึงจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนที่นักลงทุนควรจะได้รับ

ล่าสุด KBank Private Banking ร่วมกับ Lombard Odier นำเสนอกองทุนหุ้นนอกตลาด (Private Equity Fund) ที่เน้นลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งกิจการ หรือ Venture Capital (VC) ผ่าน กองทุนเปิด K Global VC PE 23A ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ K-GVC23A-UI ลงทุนในหุ้นนอกตลาดซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มธุรกิจที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งกิจการ ในธีมเทคโนโลยีที่มีศักยภาพและมีโอกาสประสบความสำเร็จในอนาคต เช่น เทคโนโลยีเพื่อการบริโภค เทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพ หรือเทคโนโลยีเพื่อต่อยอดและยังกระจายลงทุนในกว่า 300 ธุรกิจทั่วโลก ทั้งในยุโรป 45% สหรัฐอเมริกา 35% และเอเชีย 20%

ดร.ตรีพล กล่าวเสริมว่า ธุรกิจในกลุ่มเทคโนโลยีเป็นที่น่าจับตาในช่วงนี้ เพราะในปีที่ผ่านมา การดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวของธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก ได้กดดันราคาสินทรัพย์กลุ่มเทคโนโลยีทั้งใน และนอกตลาดให้ปรับตัวลง จึงเป็นบรรยากาศและโอกาสที่ดีสำหรับการเข้าลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี ด้วยระดับราคาและปัจจัยพื้นฐานที่น่าสนใจมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การเข้าลงทุนในธุรกิจกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงเริ่มก่อตั้งกิจการ ก่อนที่ธุรกิจจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะสามารถสร้างมูลค่าได้สูงกว่า ตัวอย่างเช่น บริษัท Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google ช่วงที่ดำเนินธุรกิจก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์มีมูลค่ากิจการที่เพิ่มขึ้นถึง 307 เท่า ขณะที่กิจการของ Alphabet ช่วงหลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเพียง 52 เท่า อย่างไรก็ดี การเลือกลงทุนในธุรกิจก่อนเข้าตลาด โดยเฉพาะในช่วงแรกของกิจการ แม้จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง แต่มีความเสี่ยงสูงเช่นเดียวกัน การลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ จึงต้องอาศัยผู้เชี่ยวชา วิเคราะห์ธุรกิจในเชิงลึก และผ่านกระบวนการบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม

มร.กองแซคค์ เบอร์นาร์ด Senior Investment Manager, Private Asset, Lombard Odier Investment Managers กล่าวว่า จากการเก็บข้อมูล Lombard Odier พบว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นนอกตลาด (Private Equity) ให้ผลตอบแทนที่เหนือกว่า มีความผันผวนต่ำกว่าและสอดคล้องกับการดำเนินงานที่แท้จริงของธุรกิจมากกว่า เมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นทั่วโลก (MSCI World) และ ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) นอกจากนี้ Lombard Odier ยังมีประสบการณ์ลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดมาเป็นเวลานาน รวมถึงมีเครือข่ายผู้จัดการกองทุนสินทรัพย์นอกตลาดที่ Lombard Odier สามารถเข้าถึงมากกว่า 130 แห่ง ซึ่งครอบคลุมกลยุทธ์การลงทุนกว่า 200+ กองทุน และกว่า 4,000+ ธุรกิจ นอกจากนี้ Lombard Odier ยังมีความชำนาญในการวิเคราะห์สินทรัพย์นอกตลาด การค้นหาดีลที่น่าสนใจ มีระบบในการคัดเลือกกิจการที่ละเอียด และพิจารณาความเสี่ยงอย่างรอบด้าน รวมทั้งยังมีประสบการณ์ในการบริหารกองทุน Venture Capital ทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 2554

ดร.ตรีพล กล่าวปิดท้ายว่า ในภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน ทำให้โอกาสลงทุนในหุ้นนอกตลาดมีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะหลายบริษัทกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่องระยะสั้น จากยอดขายไม่ขยายตัว ต้นทุนสูงขึ้น และกำไรลดลง ทำให้มีความต้องการหาพันธมิตรหรือเพิ่มทุน นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่กองทุนหุ้นนอกตลาดจะเข้าลงทุนในบริษัทคุณภาพดีในราคาที่ต่ำลง เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างกำไรได้ในอนาคต KBank Private Banking เชื่อว่าการลงทุนในกองทุน K-GVC23A-UI จะช่วยกระจายความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนจากสินทรัพย์ดั้งเดิมอย่างหุ้นและตราสารหนี้ และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนได้