ขายตรงต้องรอด! “J&C” โว ! ไตรมาสแรกยอดโต 10% สวนทางกำไรไตรมาสสองชะลอตัว เผยเดือนเดียวยอดฮวบ 20% เมื่อเทียบกันปีที่ผ่านมา เหตุโควิด-19 พ่นพิษ ยกระดับกลยุทธ์ดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) ผนวกระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ (Video Conference) ผ่านแอปพลิเคชัน Zoom พร้อมชู JC iMart อัดโปรโมชั่น หวังดันยอดขายช่วยนักธุรกิจสำเร็จง่ายขึ้น
ดร.สมชาย หัชลีฬหา. ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เผยยอดขายไตรมาสแรกโตพุ่ง 10% ส่วนไตรมาสสองยอมรับยอดขายลด เพียงเดือนเมษายน เดือนเดียวตัวเลขลดลงถึง 20% หรือการเติบโตเป็นศูนย์ เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบกับทุกบริษัททั่วโลก ทั้งกำลังซื้อและนักธุรกิจใหม่ ซึ่งสัดส่วนยอดขายของบริษัทตอนนี้มาจากฐานลูกค้าเดิมประมาณ 50 – 60% ส่วนที่เหลือก็อยู่ในช่วงปรับตัวรับมือความเปลี่ยนแปลง
“วิกฤตไวรัสโควิด-19 ทำให้บริษัทต้องปรับตัวอย่างเร่งรัด จากที่วางแผนไว้ เมื่อ 5 – 6 ปีที่ผ่านมาเราใช้ระบบอี วอลเล็ท (e-Wallet) มาประมาณ 8 ปี การที่เรามีดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) ร่วมกับธุรกิจครือข่าย, ระบบออนไลน์, แฟรนไชส์ และ JC iMart ส่งผลให้ปัจจุบันเรามีเครื่องมือครอบคลุมทุกภาคส่วน ทุกคนสามารถใช้และได้ประโยชน์ทั้งนักขาย นักสร้างองค์กร หรือผู้นำ บริษัทมีทุกระบบรองรับไม่ว่าจะเป็นองค์ความรู้ เครื่องมือ นวัตกรรมใหม่ หรือแม้กระทั้งระบบ AI ยิ่งในช่วงสถานการณ์แบบนี้การปรับมาใช้ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ (Video Conference) ผ่านแอปพลิเคชั่น Zoom ในการประชุมต่างๆ แม้จะติดขัดบ้างในช่วงแรก แต่ก็ยังดำเนินงานต่อไปได้”
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงนี้ไตรมาส 2 – 3 คาดว่ากำลังซื้อยังคงชะลอตัว ส่วนในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ มีความเป็นไปได้หากไวรัสไม่รุนแรงมากไปกว่านี้ กำลังซื้ออาจจะฟื้นตัว คาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตต่อไปได้ ขณะที่รายได้รวมปรับตัวลดลงเนื่องจากกำลังซื้อผู้บริโภคในประเทศหดตัว จากการปรับกลยุทธ์และแผนการดำเนินงาน มุ่งเน้นบริหารจัดการลดต้นทุนการบริหาร ควบคุมค่าใช้จ่ายแปรผันและต้นทุนคงที่ต่างๆ เช่น ลดการขยายสาขา หันมาเพิ่มหน้าร้านผ่านระบบออนไลน์ ขยายระบบ JC iMart เป็นต้น
“ด้านตลาดต่างประเทศก็ได้รับผลกระทบจากไวรัสเช่นกัน เช่น กัมพูชา พม่า ลาว ซึ่งมีประกาศล็อกดาวน์ ห้ามออกจากบ้าน งดการประชุม ส่งผลให้ยอดขายลดลง ขณะเดียวกันผู้นำก็หันมาทำธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ เดิมนักธุรกิจของ J&C ก็ดำเนินงานผ่านระบบออฟไลน์ 50% ออนไลน์ 50% แม้จะยากในช่วงแรกสำหรับผู้นำที่ไม่ถนัดใช้เครื่องมือออนไลน์ แต่ทุกคนก็ต้องปรับตัว ทำให้ระบบ JC iMart มีแนวโน้มเติบโตขึ้น 150 สาขา และมีแนวโน้มตัวเลขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด”
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงพัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพเข้าถึงกลุ่มลูกค้า บริษัทมีการปรับคอนเซ็ปต์และรูปแบบของช่องทางจำหน่ายหลัก รวมทั้งพัฒนาโมเดลใหม่ๆ ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น ส่วนช่องทางการจัดจำหน่าย e-Wallet จะช่วยผลักดันรายได้ให้เติบโตและรักษาอัตราคงที่โดยจะให้ลดจำนวนการขยายสาขา เป็นการตั้ง HUB กระจายสินค้าในแต่ละหัวเมือง เนื่องจากวิธีการดังกล่าวมีต้นทุนดำเนินการต่ำ และเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงลดการพึ่งพิงตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป
นอกจากนี้ “J&C ยังมุ่งเน้นการเพิ่มยอดขาย เน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพ ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 60 – 70 โดยเฉพาะในช่วงไวรัสระบาดแบบนี้ หลายท่านจึงให้ความสนใจกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เพิ่มภูมิคุ้มกันเป็นพิเศษ และแน่นอนว่า “โหย่งเหิง” ก็ยังคงเป็นพระเอกของสินค้าสุขภาพ ด้านเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเช่นกัน ให้ทำสินค้าได้รับความนิยม บริษัทก็วางกลยุทธ์ ที่สามารถช่วยนักธุรกิจทำง่ายขึ้น และเพิ่มผลตอบแทนมากขึ้นไปด้วย” ดร.สมชาย กล่าวปิดท้าย
