“Happy MPM” ครบรอบ 23 ปี แห่งความมั่นคงยั่งยืน  อัดฉีดงบกว่าร้อยล้าน ดันธุรกิจโตก้าวกระโดดหลังโควิด

0
1570

ฉลองครบรอบ 23 ปีอย่างยิ่งใหญ่ “Happy MPM” เคลื่อนทัพปลุกเชื่อมั่นหลังโควิดเต็มสูบ ทุ่มงบกว่าร้อยล้าน ดันสินค้าใหม่ ปักหมุดโรงงานใหม่ ผนึกกำลังพันธมิตรขยายอาณาจักร เล็งเพิ่มสาขาในไทยและแถบอาเซียน พร้อมจัดโปรโมชั่น เน้นกิจกรรมพัฒนานักธุรกิจเครือข่ายมืออาชีพสร้างความแข็งแกร่ง ด้วยแพลตฟอร์ม Happy University มุ่งปั้นนักธุรกิจรุ่นใหม่ หวังเติบโตก้าวกระโดดทะยานสู่พันล้าน 

คุณณพวัฒน์ สัตย์เพริศพราย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แฮ็ปปี้ เอ็มพีเอ็ม จำกัด เปิดเผยถึง การจัดงานฉลองครบรอบ 23 ปีครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประมาณ 1,500 ท่าน มาจากสปป.ลาว และกัมพูชาประมาณ 500 ท่าน คาดสร้างยอดขายทะลุ 15 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์สุขภาพส่งเสริมภูมิคุ้มกัน ที่วิจัยและพัฒนาสารสกัดจาก สารสกัดจากละอองเกสร การันตีแบรนด์อันดับ 1 ของโลก นำร่องรุกตลาดตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ด้วยความพร้อมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น คุณภาพของสินค้าที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มของ Pollitin คือ Pollinax ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเกสรดอกไม้สกัดชนิดแคปซูล  เพื่อให้เข้ากับการดูแลสุขภาพและครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภคอย่างแท้จริง รวมถึงกิจกรรมพัฒนานักธุรกิจเครือข่ายมืออาชีพด้วย แพลตฟอร์มที่มีชื่อว่า Happy University พร้อมตั้งเป้าพิชิตยอดขายทั่วภูมิภาคอาเซียนได้ไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาทก่อนสิ้นปี อย่างแน่นอน ภายในงานมีพิธีเชิดชูเกียรติให้แก่นักธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จ  กว่า 300 ท่าน รวมถึงการมอบโชคให้แก่ผู้เข้าร่วมงานเพื่อเป็นของขวัญพิเศษครบรอบ 23 ปี มีมูลค่าของรางวัลกว่า 5 แสนบาทและช่วงเวลาแห่งความสุขความบันเทิง ได้จัดให้มี มินิคอนเสิร์ตของ “ลำไย ไหทองคำ”

“ด้านความคืบหน้าในการสร้างสาขาที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน อยู่ในช่วงดำเนินการการออกแบบตกแต่ง คาดใช้ระยะเวลาในการสร้างประมาณ 2 – 3 ปี ตั้งอยู่ใจกลางเมืองร้อยเอ็ด ตัดเส้นบายพาสร้อยเอ็ด-สารคาม มีพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ ตั้งใจทำเป็นศูนย์กระจายสินค้า ศูนย์เทรนนิ่งสมาชิก โดยใช้งบประมาณในการลงทุนการขยายสาขาเบื้องต้นตั้งไว้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งสาขาประเทศไทยมี 20 สาขา ในต่างประเทศมี 3 สาขา คือ สปป.ลาวและ กัมพูชา ส่วนตลาดในมาเลเซียทำรูปแบบซิงเกิ้ลตามที่กฎหมายระบุ เน้นซื้อกินซื้อใช้กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและสกินแคร์ ทำตลาดแบบบอกต่อ ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีหลังเปิดประเทศ สร้างยอดขายให้สาขาหาดใหญ่ต่อเนื่องมากกว่า 7 หลักแล้ว ผมมองว่าการขยายสาขาเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า อะไรที่เราทำเพื่อสมาชิกได้ควรมุ่งมั่นและทำทันที เป็นการสร้างรากฐานและการสร้างผู้นำให้แข็งแกร่งกับแฮปปี้เอ็มพีเอ็มต่อไป”

ส่วนการขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะสปป.ลาว ตลอด 3 ปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้ขยับขยายอาคารพาณิชย์จาก 2 คูหา เป็น 4 คูหา มีพื้นที่จอดรถบัส 10 คัน ห่างจากประตูชัยไม่ถึง 2 กิโลเมตร นับเป็นตลาดใหญ่ มีผู้นำจำนวนมาก ในปีนี้บริษัทมีแผนให้ผู้นำจากสปป.ลาว ยกระดับงานด้านออนไลน์ จากผลลัพธ์รายได้จากปี 64 สปป.ลาว ส่งยอดขายประมาณ 150 กว่าล้านบาท คาดหลังเปิดประเทศ บริษัทจะส่งเสริมให้ผู้นำสามารถสร้างยอดขายเฉลี่ยมากกว่า 8 หลักอีกครั้งหลังโควิดผ่านพ้นไป 

สำหรับแผนการตลาดครึ่งปีหลัง จะกลับมาจัด “แฮปปี้วีไอดีแคมป์” เป็นกิจกรรมหลักอีกครั้ง เสริมด้วยโปรโมชั่นท่องเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และประเทศเวียดนามเร็วๆ นี้ ทั้งยังมีแผนร่วมมือกับพันธมิตร ทั้งแบรนด์ชั้นนำ โรงพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ มาเสริมความรู้ให้สอดคล้องกับการพัฒนานักธุรกิจในองค์กรอย่างมืออาชีพ เชื่อทั้งหมดนี้จะสามารถนำพาองค์กรเติบโตอย่างก้าวกระโดด 

ด้าน คุณณพวิทย์ สัตย์เพริศพราย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฮ็ปปี้ เอ็มพีเอ็ม จำกัด เปิดเผยถึงการวางระบบการตลาดว่า ช่วงครึ่งปีหลังของแฮปปี้เอ็มพีเอ็มเป็นเวลาสำคัญมาก เพราะหัวใจสำคัญของธุรกิจนี้คือ การจัดอีเว้น เทรนนิ่ง และกิจกรรม เมื่อจัดไม่ได้จึงเป็นปัญหาของธุรกิจ เมื่อปลดล็อกอีก 6 เดือนที่เหลือ จึงต้องลุยเต็มสูบ

“เรามีการแยกระบบชัดเจน คือ 1.พาร์ทไทม์ ซัคเซส เจอร์นี่ 2. ฟลูไทม์ ซัคเซสเจอร์นี่ จากการศึกษามานานจึงรู้ว่า ธุรกิจนี้สร้างมาเพื่อคนพาร์ทไทม์ มีจำนวน 6.7 ล้านคนทั่วโลกทำงานธุรกิจนี้เป็นงานพาร์ทไทม์ มีแค่ 9 แสนคนทั่วโลกที่ทำฟลูไทม์ ผมเลยจะเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ คาดในวัครบรอบปีหน้าจะมีนักธุรกิจเข้าร่วมงานกว่า 3,000 คน เป็นนักธุรกิจวัยรุ่นขั้นต่ำ 500 คน ผมจะสร้าง 2 ระบบรองรับการเติบโต พยายามจะเอาพลังของคนรุ่นใหม่ ผสมผสานกับนักธุรกิจวัยผู้ใหญ่ของแฮปปี้เอ็มพีเอ็ม ด้วยหลักสูตร Happy University ซึ่งตอนนี้มียอดแอคทีฟเมมเบอร์ประมาณ 50,000 คน ส่วนสมาชิกซื้อกินซื้อใช้มีหลายแสนรหัส ตลอดการทำตลาดมานานกว่า 20 ปี”   

    

ขณะเดียวกันการเทรนนิ่งด้วยระบบฝึกอบรม จะเพิ่มเจนระหว่างพาร์ทไทม์และฟลูไทม์ ผ่าน Happy University เพื่อทำให้ผู้คนที่เข้ามาเรียนรู้ เข้าใจธุรกิจมากขึ้น “จากปัจจุบันมีสัดส่วนผู้ใหญ่ 80 คนรุ่นใหม่ 20% หากทำตามเป้าหมายคาดจะเพิ่มสัดส่วนคนรุ่นใหม่ประมาณ 60 : 40 นี่คือโอกาสของคนรุ่นใหม่ และเป็นโอกาสของแฮปปี้เอ็มพีเอ็มในการกระจายตลาดสู่คนรุ่นใหม่ รวมถึงการเปิดตัวสินค้าใหม่เพื่อให้คนรุ่นใหม่ทำการตลาดได้ง่ายที่สุดควบคู่กัน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวปิดท้าย