แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากโรคโควิด-19 และความเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนของสภาพแวดล้อมภายนอก แต่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นผู้นำ ก็สามารถทำให้จีนบรรลุความก้าวหน้าอย่างมากในปี 2563 การที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรกและส่งเสริมจุดแข็งขององค์กรอย่างเต็มที่ เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้จีนประสบความสำเร็จในการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความยากจนในปีที่ผ่านมา
“ประชาชนต้องมาก่อน”
ภายใต้คำสั่งของนายสี จิ้นผิง จีนยึดมั่นในแนวคิด “ประชาชนต้องมาก่อน” ในการทำสงครามกับโรคโควิด-19
“ความปลอดภัยและสุขภาพของประชาชนมาก่อนเสมอ ดังนั้น การป้องกันและควบคุมโรคระบาดจึงเป็นงานที่สำคัญที่สุดของประเทศในขณะนี้” นายสี จิ้นผิง กล่าวระหว่างการประชุมร่วมกับนายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว
อ่านเพิ่มเติม:
สี จิ้นผิง นำจีนทำสงครามกับโควิด-19 อย่างไร
คำพูดสำคัญของสี จิ้นผิงเกี่ยวกับโควิด-19: ประชาชน การตอบสนอง และความเชื่อมั่น
อู่ฮั่นทำสงครามกับโควิด-19: จีนระดมกำลังทั้งประเทศเพื่อยับยั้งไวรัสได้อย่างไร
ไทม์ไลน์: จีนต่อสู้กับโควิด-19 ห้าระยะ
พรรคคอมมิวนิสต์จีนคือองค์กรที่พึ่งพาได้มากที่สุดสำหรับชาวจีนในช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยนายสี จิ้นผิง ได้สั่งให้ใช้ทรัพยากรทั้งหมดของประเทศจัดการกับโรคระบาด ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของระบบสังคมนิยมของจีน
ดังนั้น จีนจึงกลายเป็นประเทศแรก ๆ ที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส เปิดเศรษฐกิจอีกครั้งอย่างปลอดภัย และฟื้นฟูการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจีดีพีของจีนจะทะลุ 100 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 15.38 ล้านล้านดอลลาร์) ในปี 2563 และจีดีพีต่อหัวจะทะยานแตะ 10,000 ดอลลาร์
ขณะเดียวกัน จีนได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ 36 ทีมไปยัง 34 ประเทศ พร้อมกับเสนอความช่วยเหลือให้กับ 150 ประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ 10 แห่งเพื่อต่อสู้กับไวรัส ซึ่งสะท้อนถึงข้อเรียกร้องของนายสี จิ้นผิง ในการสร้างชุมชนสุขภาพร่วมกันเพื่อมวลมนุษยชาติ
นายสี จิ้นผิง ประกาศระหว่างเปิดการประชุมสมัชชาอนามัยโลก ครั้งที่ 73 เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จะต้องเป็นสินค้าสาธารณะของโลก โดยจีนจะสร้างความมั่นใจว่าบรรดาประเทศกำลังพัฒนาจะสามารถเข้าถึงวัคซีนได้ในราคาย่อมเยา
“ไม่มีใครควรถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน มณฑลกุ้ยโจวทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนสามารถสะสางบัญชีผู้ยากไร้ทั้งหมด และจีนได้ประกาศความสำเร็จในการขจัดความยากจนขั้นสูงสุด (absolute poverty) และความยากจนระดับภูมิภาค
เมื่อเดือนมีนาคม นายสี จิ้นผิง กล่าวในการประชุมสัมมนาว่าด้วยการคว้าชัยชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการบรรเทาความยากจนว่า การดึงชาวบ้านในชนบททั้งหมดที่อยู่ต่ำกว่าเส้นแบ่งความยากจนออกจากความยากจนภายในปี 2563 เป็นคำมั่นสัญญาของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และจะต้องบรรลุให้ได้ตามกำหนดเวลา
ขณะเดียวกัน นายสี จิ้นผิง ได้ชูประเด็นการบรรเทาความยากจนเป็นหัวใจของการบริหารงาน และทุ่มเทให้กับเรื่องนี้มากที่สุด ในระหว่างการตรวจเยี่ยมสถานที่ต่าง ๆ ในปีที่แล้ว เขามักเดินทางลงพื้นที่เพื่อควบคุมการปฏิบัติงานบรรเทาความยากจนด้วยตัวเอง
อ่านเพิ่มเติม:
แผนที่เดินทางบรรเทาความยากจนของสี จิ้นผิง ปี 2559-2563
เรื่องราวการต่อสู้และความสำเร็จของ 832 อำเภอที่ยากจนที่สุดในจีน
“ไม่มีใครควรถูกทิ้งไว้ข้างหลังในระบอบสังคมนิยม ทุกคนควรอยู่บนเส้นทางสู่สังคมที่มีความเจริญระดับปานกลางในทุกแง่มุมและมีความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” นายสี จิ้นผิง กล่าวเมื่อเดือนพฤษภาคม
อ่านบทความต้นฉบับได้ที่ https://news.cgtn.com/news/2021-01-06/What-drives-China-s-success-in-2020–WOdLJnMPAI/index.html