วิริยะประกันภัย คว้า 4 รางวัลประกันภัยดีเด่นปี 63 ตอกย้ำความเป็นอันดับ 1 ประกันภัยยุค  “Digital Disruption”

0
1557

วิริยะประกันภัย คว้า 4 รางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร ประจำปี 2563 ด้วยรางวัล  “บริษัทประกันภัยที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยดีเด่น”  สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ผู้เอาประกันภัยเกิดความพึงพอใจสูงสุด ในขณะที่รางวัล “ตัวแทนประกันวินาศภัยคุณภาพดีเด่น” ปีนี้ตัวแทนในสังกัดคว้าเรียบทั้ง 3 รางวัลเหมือนเช่นทุกๆ ปี โดยเป็นตัวแทนในพื้นที่นนทบุรี ภูเก็ต และอุดรธานี ตอกย้ำถึงความสำเร็จในแนวทางการพัฒนาคุณภาพตัวแทน ที่มุ่งเน้นให้มีสำนักงานตัวแทนมาตรฐานที่มีภาพลักษณ์ที่เชื่อถือได้ เป็นเสมือนหนึ่งสาขาย่อยของบริษัทที่คอยให้บริการ ให้ความรู้ด้านประกันภัย ตลอดไปถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมในการบำเพ็ญประโยชน์ และพัฒนาท้องถิ่นที่สำนักงานตัวแทนวิริยะประกันภัยตั้งอยู่ทุกทิศทั่วไทย

    นางสุภัทรา ทองขาว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่านับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ในปีนี้ บริษัทฯได้รับรางวัลรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร (Prime Minister’s Insurance Awards) ประจำปี 2563 จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) รวม 4 รางวัลด้วยกัน คือ รางวัลบริษัทประกันภัยที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยดีเด่น และรางวัลตัวแทนประกันวินาศภัยคุณภาพดีเด่น ซึ่งเป็นรางวัลที่ตัวแทนในสังกัดวิริยะประกันภัยได้รับมาทุกปีติดต่อกันตั้งแต่มีการมอบรางวัลกันมา โดยในปีนี้ตัวแทนประกันวินาศภัยที่ได้รับการยกยกย่องว่าเป็นตัวแทนประกันวินาศภัยคุณภาพดีเด่น​ ได้แก่ นางสาวสุพร  จันทร์โภคาไพบูลย์  จากสาขาปากเกร็ด-345 นนทบุรี  นางจิตร์ตรา  เพชรวิสัย จากสาขาภูเก็ต  และนางปียพัชณ์  วงศอนันสุนทรี  จากสาขาอุดรธานี

    นางสุภัทรา กล่าวต่อไปอีกว่า ต้องขอขอบคุณสำนักงาน คปภ.และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่เล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมรรคผลที่คณะผู้บริหารของบริษัทมีความตระหนักร่วมถึงภาวะ“Digital Disruption” จึงทำให้ต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันสามารถสร้างนวัตกรรมใน 3 ด้านหลักได้อย่างบรรลุผล ทั้งทางด้านเทคโนโลยีเพื่อการวิเคราะห์และใช้ประโยชน์จากข้อมูล (Big Data and Data Driven Technology) ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยให้บริษัทฯ เข้าใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าและคู่ค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนงานขายและการให้บริการ เช่น พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อให้ คู่ค้า นายหน้า และตัวแทนใช้เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงและให้บริการแก่ลูกค้า  

เทคโนโลยีเพื่อการเชื่อมต่อ

เทคโนโลยีเพื่อการเชื่อมต่อทางธุรกิจกับคู่ค้า API หรือ Application Programming Interface  ช่วยให้บริษัทฯ สามารถเชื่อมโยง และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ผ่านหลากหลายช่องทางพันธมิตรทางธุรกิจหรือคู่ค้า ในระยะเวลาที่รวดเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อเป็นเครื่องมือในการประเมิน แยกแยะ วางแผนบริหารจัดการความเสี่ยงต่างๆ ได้อย่างเท่าทันและมีประสิทธิภาพ และเทคโนโลยีเพื่อให้บริการสินไหมทดแทน โดยคัดสรรเทคโนโลยีที่เหมาะสมเข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ได้แก่ บริการ  “VClaim on VCall  หรือ  บริการเคลมนัดหมายผ่านวีดิโอคอล เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้เอาประกันภัยที่ต้องการความสะดวกรวดเร็วในการตรวจสอบสภาพความเสียหายรถยนต์  สามารถนัดหมายการเคลมในวันเวลาที่สะดวก และยังสามารถรับบริการได้ทันทีโดยไม่ต้องรอพนักงานเคลมไปยังจุดนัดหมาย 

    “โดยเฉพาะระบบ VClaim on VCall  ได้เริ่มทดลองใช้มาตั้งแต่ปลายปี 2562  ซึ่งปัจจุบันมีการใช้งานในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว การันตีได้จากผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าทื่ใช้บริการ และที่สำคัญเป็นระบบที่เข้ามารองรับวิกฤตโควิด-19 ได้อย่างทันท่วงที เพราะหัวใจสำคัญในการป้องกันไวรัสโควิด-19 คือ การรักษาระยะห่างSocial Distancing  ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดอยู่ในระหว่างทดลองให้บริการและคาดว่าจะให้บริการเต็มรูปแบบประมาณกลางปี 2564 นี้ จึงนับเป็นอีกนวัตกรรมบริการประกันภัย ที่บริษัทฯ ได้สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการด้านสินไหม ควบคู่ไปกับการใส่ใจพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และการบริการให้ได้คุณภาพมาตรฐาน ตรงความต้องการของลูกค้าได้อย่างเหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุด”  นางสุภัทรากล่าว

    ส่วนรางวัลตัวแทนประกันวินาศภัยคุณภาพดีเด่นที่ตัวแทนในสังกัดของ​      บริษัทฯได้รับมาทุกๆปีนั้น นางสุภัทราเปิดเผยเพิ่มเติมว่า เป็นการสะท้อนถึงเจตนารมย์ของบริษัทฯ ที่ยังคงให้ความสำคัญในระบบคนกลางประกันภัยมาอย่างต่อเนื่องตลอด 73 ปีที่บริษัทฯ ก่อตั้งมา จนทำให้โครงสร้างของระบบตัวแทนของบริษัทฯ มีวัฒนธรรมในการทำงาน ซึ่งหมายถึงวงจรอาชีพตัวแทนที่มีที่มา มีแก่นสาร มีความมั่งคง และเชื่อมโยงทางความรู้ แนวคิด ค่านิยมจากรุ่นสู่รุ่น และเมื่อโลกเข้าสู่ยุควิถีชีวิตแบบปรกติใหม่ (New Normal) ด้วยโครงสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่มีอยู่แล้ว จึงมิใช่เป็นเรื่องยากที่บริษัทฯ จะนำเทคโนโลยีเข้าไปสนับสนุนให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ด้วยการยกระดับสำนักงานตัวแทนให้เป็นสำนักงานตัวแทนมาตรฐานที่พรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียว  มีอัตลักษณ์เดียวกันกับบริษัทฯ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่เชื่อถือได้ เพราะต้องทำหน้าที่เสมือนเป็นสาขาย่อยของบริษัท ซึ่งหมายความว่าทั้งตัวแทนเจ้าของสำนักงานและบุคลากรในสำนักงานตัวแทนนั้นๆ ต้องมีความเป็นมืออาชีพที่พร้อมให้ความรู้ด้านประกันภัยในทุกมิติให้กับประชาชนในพื้นที่ที่สำนักงานตั้งอยู่  และหมายรวมไปถึงการดำรงวิชาชีพอย่างมีจรรยาบรรณ มีจิตสาธารณะในการเข้าไปมีส่วนร่วมบำเพ็ญประโยชน์ให้กับชุมชนในพื้นที่ที่สำนักงานตั้งอยู่อีกด้วย

“ตลอดระยะเวลาเกือบ 73 ปี

   “ตลอดระยะเวลาเกือบ 73 ปี บริษัทฯ ยังคงยึดมั่นในการดำเนินงานตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างเคร่งครัดตามมาตรฐานที่สำนักงาน คปภ. กำหนดไว้ ทั้งการประกอบกิจการด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม การรับผิดชอบต่อผู้เอาประกันภัย ตลอดไปถึงการสร้างสรรค์คุณประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ ยังเป็นองค์กรที่มีฐานะมั่นคงแข็งแกร่งทั้งด้านการเงินและการเป็นที่ยอมรับของสาธารณชน โดยในปี 2562 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 74,568 ล้านบาท เงินกองทุนมูลค่า 45,251 ล้านบาท ในขณะที่เงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมายมีมูลค่า 18,954.51 ล้านบาท เกินกว่ามาตรฐานที่ คปภ. กำหนดไว้”  นาง​           สุภัทรา กล่าวในที่สุด

    อนึ่ง ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.63) ว่า บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับจากการรับประกันภัยโดยตรงรวม 25,070.52 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 21,742.66 ล้านบาท แยกเป็นภาคสมัครใจ 19,840.61  ล้านบาท ภาคบังคับ 1,902.05 ล้านบาท ส่วนนอนมอเตอร์ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 3,327.86 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันอัคคีภัย 180.72 ล้านบาท ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 311.62 ล้านบาท และประกันภัยเบ็ดเตล็ด 2,835.51 ล้านบาท