เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563 สถาบันเพื่อการวิจัยและนวัตกรรมด้านเอชไอวี ร่วมกับองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Agency for International Development – USAID) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐฯ ด้านสาธารณสุข (Thailand MOPH – U.S. CDC Collaboration) และกรุงเทพมหานคร พร้อมได้รับความร่วมมือจากโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ สำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก จัดงานเปิดตัวโครงการรณรงค์ระดับชาติเพื่อสร้างความตระหนักรู้การเข้าถึงยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อเอชไอวี (PrEP หรือ เพร็พ) ในกลุ่มหญิงข้ามเพศในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ PrEP in the City โดยวัตถุประสงค์ของโครงการฯ คือการสร้างความรู้และความตระหนักเกี่ยวกับเพร็พ และเป็นการรณรงค์ให้หญิงข้ามเพศเข้าถึงเพร็พ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์เพื่อลดอัตราการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ในประชากรกลุ่มหลัก โดยโครงการนี้ถือเป็นการรณรงค์เกี่ยวกับเพร็พในหญิงข้ามเพศโครงการแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งส่งเสริมสภาวะแวดล้อมในสังคมให้หญิงข้ามเพศใส่ใจในการดูแลสุขภาพตนเองมากยิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างการมีตัวตนและลดการเลือกปฏิบัติต่อหญิงข้ามเพศในสังคมอีกด้วย
นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานในพิธี ได้กล่าวเปิดโครงการรณรงค์ฯ ว่า กระทรวงสาธารณสุขพร้อมจะทำงานกับทุกภาคส่วน รวมไปถึงภาคประชาสังคมและองค์กรชุมชน ในการส่งเสริมสิทธิในการเข้าถึงบริการเอชไอวีและบริการ สุขภาพอื่นๆ ของคนข้ามเพศ
Steven G. Olive ผู้อำนวยการองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา สำนักงานภาคพื้นเอเชีย ได้ร่วมกล่าวในพิธีเปิดและชื่นชมความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของประเทศไทยในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางด้านสุขภาพของชุมชนหญิงข้ามเพศเพื่อยุติปัญหาเอดส์ในประเทศไทย พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณสถาบันเพื่อการวิจัยและนวัตกรรมด้านเอชไอวี และความร่วมมืออย่างจริงจังของรัฐบาลไทย ที่ดำเนินงานเพื่อให้ประเทศไทยเข้าถึงการบรรลุเป้าหมาย 90-90-90 ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นต้นแบบสำหรับประเทศต่างๆ ทั้งในระดับภูมิภาคและนานาชาติต่อไป
นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การสร้างความตระหนักรู้เรื่องเพร็พในกลุ่มหญิงข้ามเพศเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่จะสนับสนุนยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ภายในปี 2573 แพทย์หญิงภาวิณี รุ่งทนต์กิจ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ กรุงเทพมหานคร ในฐานะหนึ่งในเมืองที่เข้าร่วมโครงการ Fast Track City Initiative ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักในการเร่งรัดยุติปัญหาเอดส์ในระดับโลก ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรณรงค์นี้
ในงานนี้ ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ประพันธ์ ภานุภาค ที่ปรึกษาอาวุโสด้านการวิจัยและสนับสนุนนโยบาย สถาบันเพื่อการวิจัยและนวัตกรรมด้านเอชไอวี ได้กล่าวว่า จากการทำงานในวงการเอชไอวีมาเกือบ 30 ปี โครงการรณรงค์ฯ เกี่ยวกับเพร็พนี้ นอกจากจะเป็นการรณรงค์ที่ใหญ่ที่สุด ยังเป็นโครงการรณรงค์ฯ แรกที่ทำขึ้นมาสำหรับหญิงข้ามเพศในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ แพทย์หญิง นิตยา ภานุภาค ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการวิจัยและนวัตกรรมด้าน เอชไอวี ยังได้กล่าวว่า ถึงแม้ว่าประเทศไทยได้เริ่มนำเพร็พเข้าสู่แนวทางการดูแลป้องกันและรักษาเอชไอวีตั้งแต่ 5 ปีก่อน แต่ในปัจจุบันพบว่ามีหญิงข้ามเพศที่ได้รับเพร็พเพียง 5% เท่านั้น เนื่องจากยังขาดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเพร็พอยู่อีกมาก โครงการรณรงค์ฯ นี้จึงมีความสำคัญมากในการส่งเสริมให้หญิงข้ามเพศหันมาสนใจสุขภาพของตนเองมากขึ้น
สำหรับงานเปิดตัวโครงการครั้งนี้ มีผู้มีชื่อเสียงในวงบันเทิงเข้าร่วมด้วย อาทิ คุณโม จิรัชยา ศิริมงคลนาวิน มิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีน ปี 2559 ได้แสดงความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญนี้ และขอขอบคุณทางสถาบันเพื่อการวิจัยและนวัตกรรมด้านเอชไอวีที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญต่อสุขภาพของหญิงข้ามเพศ และได้ดำเนินงานเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงบริการสุขภาพในคนข้ามเพศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประชากรกลุ่มดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในกลุ่มประชากรที่ได้รับผลกระทบอย่างสูงจากเอชไอวีในประเทศไทย คุณแคนดี้ กุลชญา ตันศิริ ผู้ชนะจากรายการ เดอะเฟซไทยแลนด์ 5 และคุณเฟม วรณัน นลัทวรสกุล เน็ตไอดอล ได้เข้าร่วมพิธีเปิดและแสดงความยินดีที่ได้เป็นตัวแทนหญิงข้ามเพศจากทั่วประเทศ เพื่อเชิญชวนเพื่อนๆ หญิงข้ามเพศให้หันมาสนใจดูแลสุขภาพของตนมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ยังหวังว่าโครงการรณรงค์ฯ นี้จะช่วยลดทัศนคติเชิงลบของสังคมที่มีต่อเอชไอวีอีกด้วย ในขณะที่ คุณเจนนี่ ปาหนัน นักแสดงและพิธีกร ไม่สามารถมาร่วมเปิดตัวโครงการรณรงค์ฯ ได้ แต่ได้ส่งวีดีโอเพื่อร่วมแสดงความยินดีและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการรณรงค์ฯ นี้จะช่วยสร้างแนวโน้มในเชิงบวกให้เพื่อนๆ หญิงข้ามเพศได้หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตนและคนที่ตัวเองรัก พร้อมกับเห็นความสำคัญของเพร็พมากยิ่งขึ้น