บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ MTI เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก (สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563) ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวม 7,127 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 16.4 โดยมีเบี้ยประกันภัยที่ถือเป็นรายได้มีจำนวน 3,718 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 310 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิและรายได้จากการลงทุนสูงถึง 352 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 193.1 เกือบ 200% พร้อมเดินหน้าปรับกลยุทธ์รองรับวิถีใหม่ยุค New Normal ต่อยอดความรับผิดชอบต่อสังคม สร้างชุมชนแห่งรอยยิ้ม
นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ขอขอบคุณลูกค้า คู่ค้า พันธมิตร และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ตลอดจนพนักงานของเราทุกคน ที่ทุ่มเทให้กับการทำหน้าที่ด้วยความตั้งใจ และใส่ใจมาตลอดช่วงที่ผ่านมา แม้จะเผชิญกับวิกฤตที่ยากลำบาก แต่เมืองไทยประกันภัย ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดี อย่างต่อเนื่อง เมืองไทยประกันภัย คือ บริษัทประกันวินาศภัยของคนไทย ที่ยืนเคียงข้างสังคมไทยมากว่า 88 ปี ด้วยประสบการณ์ที่พร้อมจะเข้าใจและเป็นเพื่อนกับทุกคน สิ่งสำคัญ คือ เราภูมิใจ ที่เราเป็นธุรกิจที่ได้ช่วยเยียวยาและแบ่งเบาภาระของทุกคน เมื่อยามเกิดภัย”
ปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งธุรกิจเล็ก คนตัวเล็กตัวน้อย โควิด-19 เป็นเหมือนสัญญาณ Wake up call ที่ส่งสัญญาณเตือนพวกเราในทุกๆ เรื่อง ชีวิตของผู้คนทุกวันนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โลกมีภัยที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอยู่เสมอ ทั้งภัยจากธรรมชาติ และฝีมือของมนุษย์ด้วยกันเอง ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร นับจากนี้คนที่จะอยู่รอดได้ คือคนที่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว คือคนที่สามารถมองวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะไม่ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ หรือสถานการณ์ทางสังคมจะเป็นอย่างไร เราทุกคนก็ยังคงต้องดำเนินชีวิตต่อไป ต้องดำเนินธุรกิจที่มีอยู่ต่อไป ที่สำคัญต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไม่ประมาท และต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ด้วยมิตรภาพและความจริงใจ ดูแลกันเหมือนดั่งเป็นคนครอบครัวเดียวกัน จึงจะพาให้สังคมไทยเดินหน้าต่อไปได้
ในปี 2563 บริษัทมีความตั้งใจ และมุ่งมั่นที่จะรักษาทุกๆ รอยยิ้มที่เราให้คำสัญญาไว้ รวมถึงการพัฒนากระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านของการบริการ และความพร้อมที่จะพัฒนาธุรกิจ ให้ตอบโจทย์ และรองรับทุกความต้องการ ของลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย ตลอดจนคู่ค้าและพันธมิตร ได้ครบทุกด้าน และดีขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะจะเน้นทำตลาดประกันภัยแบบเฉพาะกลุ่ม และเน้นการพัฒนาประกันสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล ที่สามารถเข้าถึงคนทุกช่วงวัยได้ง่ายขึ้น เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ในยุค New Normal ซึ่งปัจจุบัน มีความรอบคอบและระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายมากขึ้น แต่ยังต้องการความคุ้มครองที่คุ้มค่า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญในการพัฒนาบริการให้มีความหลากหลาย ทั้งบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของบริษัทฯ ควบคู่ไปกับการให้บริการแบบออฟไลน์ เช่น ตัวแทนจำหน่าย, Call Center และอีก 22 สาขาทั่วประเทศ เพื่อให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภค
นอกจากการดำเนินธุรกิจแล้ว บริษัทยังมุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญที่เราดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะตระหนักดีว่า เราคือส่วนหนึ่งของสังคม ที่จะต้องช่วยกันดูแล และขับเคลื่อนให้สังคมน่าอยู่ ชุมชนเข้มแข็ง ผู้คนเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข และอยู่ได้อย่างยั่งยืน ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมที่หลากหลายทั้งการส่งเสริมด้านกีฬา เพื่อพัฒนาเยาวชน การมีส่วนร่วมดูแลสังคมผ่านกิจกรรม “อาสากล้าใหม่เมืองไทย” เพื่อเชิญชวนทุกคนมาร่วมกัน สร้างประโยชน์เพื่อสังคมไทย เพื่อพัฒนาประเทศไทยของเรา โดยการเริ่มต้นจากโมเดลการสร้างจิตสำนึกผ่านอาสาสมัครทุกๆ คน กิจกรรม “ครัวมาดาม” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ส่งต่อน้ำใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน” ที่พร้อมลงพื้นที่เมื่อยามเกิดภัย ดังเช่นวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 หรืออุทกภัยที่เกิดขึ้นกับพี่น้องชาวจังหวัดเลยที่ผ่านมา รวมถึงกิจกรรม “คลองเตยดีดี” เพื่อสร้างสังคมน่าอยู่ ในหลากหลายมิติ โดยหวังว่า โมเดลดังกล่าว จะสามารถเป็นต้นแบบของการพัฒนาชุมชนอื่นๆ ทั่วประเทศ เพื่อสร้างสังคมดีดี ให้เกิดขึ้นได้ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย
บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) จะยังคงมุ่งมั่น พัฒนาศักยภาพ คุณภาพ และการบริการ แก่ทุกท่าน เพื่อให้เรายังคงเป็นบริษัทประกันวินาศภัยอันดับต้นๆ ที่ครองใจประชาชนคนไทย และยืนอยู่คู่กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน ทำให้ทุกคน “ยิ้มได้ เมื่อภัยมา” เชื่อแป้ง…เชื่อเมืองไทยประกันภัย