เอสซีจี ร่วมลงนามความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย และดิจิทัล เวนเจอร์ส เดินหน้าพัฒนาระบบการชำระเงินโดยใช้สกุลเงินดิจิทัล นำร่องเป็นต้นแบบของ ภาคธุรกิจเป็นรายแรกของไทย มุ่งเพิ่มความสามารถการแข่งขันรับฟินเทคในอนาคต

0
1724

เอสซีจี จับมือธนาคารแห่งประเทศไทย และดิจิทัล เวนเจอร์ส ร่วมลงนามเพื่อพัฒนาระบบต้นแบบการชำระเงินของภาคเอกชนโดยใช้สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency : CBDC) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการบริหารจัดการซื้อ และการชำระเงินของภาคธุรกิจ ลดขั้นตอนและระยะเวลาการทำธุรกรรมทางการเงิน สร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจ เสริมศักยภาพทางการแข่งขัน และรองรับนวัตกรรมด้านการเงิน (Fintech) ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การเงินและการลงทุน เอสซีจี กล่าวว่า “เอสซีจีรู้สึกมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย และบริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส เพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ และริเริ่มการพัฒนาระบบโครงสร้างการชำระเงินของภาคเอกชน
โดยใช้สกุลเงินดิจิทัลซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ที่ผ่านมา เอสซีจีได้ร่วมมือกับ ดิจิทัล เวนเจอร์ส ผู้พัฒนานวัตกรรมทางการเงินชั้นนำ ด้วยการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาใช้ตั้งแต่ปี 2561 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเพิ่มความรวดเร็วในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง – วางบิล – ชำระเงินแบบครบวงจร หรือ ที่เรียกว่า “B2P” (Blockchain Solution for Procure-to-Pay) ซึ่งสามารถช่วยลดระยะเวลาการดำเนินงานต่อรายการได้ร้อยละ 50 และลดต้นทุนต่อรายการได้ร้อยละ 70 ทำให้ปัจจุบัน มีคู่ธุรกิจที่เข้าใช้งานบนแพลตฟอร์มนี้แล้ว กว่า 4,500 ราย ภายในระยะเวลา 2 ปี

ดังนั้น การลงนามความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย และบริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์จำกัด
เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบต้นแบบการชำระเงินของภาคเอกชนโดยใช้ CBDC ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้องค์กรและคู่ธุรกิจ ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของระบบการชำระเงินสำหรับภาคธุรกิจในอนาคตต่อไป

ทั้งนี้ การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเอสซีจี ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการ และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุค New Normal ด้วยการเร่งพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถ และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ หรือที่เรียกว่า Digital Transformation โดยเปิดโอกาสให้องค์กรชั้นนำ พาร์ทเนอร์ที่มีความรู้ และความเชี่ยวชาญทั่วโลก มาร่วมเรียนรู้และพัฒนาเทคโนโลยี กระบวนการ และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ร่วมกัน”

SCG To Pilot Thailand’s First Implementation of Central Bank Digital Currency (CBDC), Signs MoU with Bank of Thailand and Digital Ventures to Develop Prototype System Aimed at Boosting Competitiveness and Fintech

SCG has announced that it has signed a Memorandum of Understanding (MoU) with the Bank of Thailand and Digital Ventures to develop a prototype system of Central Bank Digital Currency (CBDC) to enhance the efficiency of the purchase and payment management in the business sector. The CBDC is being developed to reduce transaction steps and processing time, which will be conducive to boosting business confidence and competitiveness and promoting Fintech innovation in the future.

Mr. Thammasak Sethaudom, Vice President – Finance and Investment & CFO, SCG, said, “SCG is pleased to work with the Bank of Thailand and Digital Ventures to optimize digital technology in business operations and initiate the development of Central Bank Digital Currency system which is vital for the country’s economic development. Prior to this, SCG has partnered with Digital Ventures, a leading fintech venture capital firm, and adopted its Blockchain Solution for Procure-to-Pay (B2P) since 2018 to speed up procurement, invoice, and payment process. The platform helps shorten the overall procurement processing time by 50% and reduce cost per transaction by 70%. As a result, to date, over 4,500 business partners are on this platform within two years.
The MoU with Bank of Thailand and Digital Ventures to collectively develop the prototype system of Central Bank Digital Currency (CBDC) is a significant milestone in boosting competitiveness for organizations and business partners and improving the payment infrastructure for the business sector in the future.
In this regard, the signing of this MoU is in line with SCG’s vision of creating innovations to fulfill needs and rapidly changing customers’ behaviors, especially now with the ‘New Normal’ business landscape. The company has pushed forward the digital transformation by accelerating its capability and using digital technologies in business activities as well as facilitating open collaboration with leading organizations, specialized partners to together learn and develop technologies, processes, and products.”