ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ ได้มีพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการค้ำประกันสินเชือ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 8 ระหว่าง ธนาคารออมสิน กับ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) โดยมี ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. ร่วมลงนาม ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2562 เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน
ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเกิดความคล่องตัว ธนาคารออมสินจึงได้ดำเนินการภายใต้นโยบาย “ประชารัฐสร้างไทย” เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ด้วยการเปิดให้บริการ สินเชื่อ SMEs ประชารัฐ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก บสย. เป็นผู้ค้ำประกัน ภายใต้แนวคิด “ค้ำประกันสินเชื่อประชารัฐสร้างไทย” ซึ่งธนาคารออมสินได้เตรียมวงเงินสินเชื่อ 50,000 ล้านบาท ผ่านสินเชื่อ 3 รูปแบบ ได้แก่ สินเชื่อ GSB เพื่อ SMEs คล่องตัว, สินเชื่อ GSB เพื่อ SMEs ยั่งยืน และ สินเชื่อ GSB บัญชีเดียว โดยผู้กู้เป็นผู้ประกอบการในกลุ่ม Startup ผู้ประกอบการที่มีนวัตกรรม ผู้ประกอบการ SMEs หรือผู้ประกอบการธุรกิจขนาดใหญ่ โดยที่ บสย.ยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันปีละ 1.75% เป็นเวลา 2 ปี และธนาคารออมสินช่วยแบ่งเบาภาระค่าธรรมเนียมให้อีก 2 ปี รวมยกเว้นค่าธรรมเนียม 4 ปี รวมแล้ว 7% โดยที่ผู้กู้ไม่ต้องมีภาระผู้ค้ำประกัน ซึ่งจะเริ่มให้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป
สำหรับ สินเชื่อ GSB เพื่อ SMEs คล่องตัว นำไปเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ และ สินเชื่อ GSB เพื่อ SMEs ยั่งยืน เหมาะสำหรับลงทุนในทรัพย์สินถาวร ซึ่งทั้ง 2 ประเภทนี้ วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท ส่วน สินเชื่อ GSB บัญชีเดียว เหมาะสำหรับนำไปเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ และ ลงทุนในทรัพย์สินถาวร วงเงินกู้สูงสุด 100 ล้านบาท โดยเงินกู้ทั้ง 3 ประเภทนี้ คิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากันคือ เงินกู้ระยะสั้น 2 ปีแรก อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ปีที่ 3-4 = 6% ต่อปี ปีที่ 5 เป็นต้นไป คิด MLR/MOR ถึง MLR/MOR + 1% ขณะที่ เงินกู้ระยะยาว 2 ปีแรก อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ปีที่ 3-4 = 6% ต่อปี และ ปีที่ 5-7 เท่ากับ MLR/MOR ถึง MLR/MOR + 1% ซึ่งจะเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นเอสเอ็มอีแบบไหน สินเชื่อทั้ง 3 รูปแบบนี้ ครอบคลุมผู้ประกอบการ SMEs ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นทำธุรกิจจนถึงทำธุรกิจขนาดใหญ่
พร้อมกันนี้ มีโครงการจะเปิดให้บริการ สินเชื่อหาบเร่ แผงลอย 4.0 วงเงินกู้สูงสุดรายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.85% ต่อเดือน (Flat Rate) ระยะผ่อนชำระเกิน 5 ปี (60 งวด) โดยธนาคารออมสินมอบความคุ้มครองชีวิตและทุพพลภาพตามวงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท ให้แก่ผู้กู้โดยไม่คิดมูลค่า พร้อมกับได้รับสิทธิในการขายที่ตลาดประชารัฐ-ออมสินสร้างไทย ที่ธนาคารฯ จัดขึ้นทั่วประเทศตลอดปีอีกด้วย โดยโครงการนี้มีระยะเวลาโครงการ 3 ปี วงเงินสินเชื่อรวม 5,000 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายปล่อยเงินกู้ 100,000 ราย ซึ่งจะเริ่มดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้
สำหรับผู้สนใจ ต้องเป็นผู้มีรายได้น้อยที่ประกอบอาชีพค้าขาย หรือให้บริการ เช่น พ่อค้าแม่ค้า หาบเร่ แผงลอย ผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ให้บริการขนย้ายสินค้าในตลาด เป็นต้น โดยกู้ไปเพื่อเป็นค่าเช่าแผงค้า เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพค้าขายหรือให้บริการ ทั้งนี้ ธนาคารฯ ได้รับการสนับสนุนจาก บสย. เข้ามาช่วยดูแลการค้ำประกันผู้กู้ด้วย โดยที่ธนาคารออมสินนำเสนอเงื่อนไขพิเศษ หากผู้กู้มีประวัติหนี้ค้างชำระ หรือมีประวัติเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) แต่ปัจจุบันมีสถานะชำระหนี้ปกติ สามารถยื่นกู้สินเชื่อหาบเร่ แผงลอย 4.0 นี้ได้
“ธนาคารออมสิน เชื่อมั่นว่าความร่วมมือดังกล่าวนี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการเร่งให้ฟันเฟืองในระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ในอุตสาหกรรมเอสเอ็มอี และกลุ่มคนรุ่นใหม่คนที่มีไอเดียใหม่ๆ และเศรษฐกิจทั้งระบบเกิดการขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็วในทิศทางเดียวกัน สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายประชารัฐสร้างไทยได้ในที่สุด” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าว
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่าง บสย. และธนาคารออมสิน ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อ SMEs ประชารัฐ ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 8 (PGS8) เพื่อให้การสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุน เหมาะสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ SMEs ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง โดยมีวงเงินค้ำประกันตั้งแต่ 200,000 – 100 ล้านบาท/ราย ระยะเวลาค้ำประกันไม่เกิน 10 ปี โดย บสย. และธนาคารออมสิน ออกค่าธรรมเนียมการค้ำประกันฟรี 4 ปี ภายใต้โครงการสินเชื่อประชารัฐสร้างไทย
“โดยคาดว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบ 52,500 ล้านบาท สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ 10,000 ราย นี่จึงเป็นก้าวสำคัญแห่งความร่วมมือระหว่าง 2 องค์กร เพื่อเสริมพลังผู้ประกอบการ สู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ตามยุทธศาสตร์ชาติ สำหรับผู้ประกอบการ SMEs และผู้สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดและขอรับคำปรึกษาผ่านระบบออนไลน์ที่ www.tcg.or.th / Line@: doctor.tcg และ บสย. Call Center 0-2890-9999” ดร.รักษ์ กล่าว