“กิฟฟารีน”ยกเครื่องใหญ่ทรานฟอร์มธุรกิจ  จัดทัพปั้นทีมบริหารรุ่นใหม่ – ตั้ง “พงศ์พสุ อุณาพรหม” ขึ้นแท่น CGO ช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตในยุคดิจิทัล 

0
487

“กิฟฟารีน” ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ปั้นทีมบริหารรุ่นใหม่ next generation นำโดย “พงศ์พสุ อุณาพรหม” ขึ้นแท่น CGO ช่วยบริหารธุรกิจให้เติบโตแข็งแกร่งในยุคดิจิทัล หลัง “พญ.นลินี  ไพบูลย์” ต้องการทรานฟอร์มองค์กร-ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์รับยุคดิจิทัลเดือด พร้อมวางรากฐานกิฟฟารีนครองแชมป์ MLM สัญชาติไทยอันดับ 1 ต่อเนื่อง

พญ.นลินี  ไพบูลย์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ประกาศทรานฟอร์มองค์กร และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์รับยุคดิจิทัล พร้อมวางรากฐานครองแชมป์ MLM สัญชาติไทยอันดับ 1 ต่อเนื่อง หลังธุรกิจเติบโตมาตลอด 27 ปี มียอดขายรวมกว่า 100,000  ล้านบาท มีจำนวนสมาชิกรวม  8.5  ล้านรหัส  และมีจำนวนนักธุรกิจกิฟฟารีน  820,000 รหัส  โดยแต่งตั้งทีมบริหารรุ่ใหม่ next generation  เข้ามาช่วยงาน นำทีมโดยนายพงศ์พสุ อุณาพรหม ขึ้นตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่เพื่อการเติบโตองค์กร หรือ Chief Growth Officer (CGO)

นายพงศ์พสุ อุณาพรหม รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่เพื่อการเติบโตองค์กร หรือ Chief Growth Officer (CGO) บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างการบริหารขององค์กรครั้งใหญ่รับปี 2566 ถือเป็นการจัดทัพใหม่ ด้วยวิสัยทัศน์ของ พญ.นลินี  ไพบูลย์ ในการนำพากิฟฟารีนก้าวเข้าสู่การทรานฟอร์มองค์กรอย่างเต็มรูปแบบ และให้โอกาสตนได้ขึ้นมาบริหารงานในตำแหน่งใหม่เป็นรองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่เพื่อการเติบโตองค์กร หรือ Chief Growth Officer (CGO) จากเดิมที่นั่งบริหารในตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่สายงานการตลาด โดยมีหน้าที่กำหนดนโยบาย วางแผนติดตามและประเมินผล เพื่อให้ฝ่ายต่างๆ  ดำเนินการได้ตามเป้าหมาย และสร้างความเติบโตให้องค์กรอย่างยั่งยืนทั้งในระยะสั้น  ระยะกลาง และระยะยาว

ทั้งนี้ ตำแหน่ง CGO หรือ Chief Growth Officer เป็นตำแหน่งใหม่ที่ถูกตั้งขึ้นมา เพื่อกุมบังเหียนธุรกิจในยุค Transformation  เพื่อเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในธุรกิจขนาดใหญ่อย่าง FMCG, Healthcare และ Retail  ดูแลหน่วยงานหลักที่อยู่ภายใต้การรับผิดชอบทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งสายงานการตลาด พาณิชย์ ฝ่ายขาย ลูกค้าสัมพันธ์ ฝ่ายพัฒนาองค์กร กลุ่มธุรกิจใหม่ๆ  เป้าหมายจากนี้ทีมบริหารรุ่นใหม่ next generation  จะช่วยกันต่อยอดและสยายปีกธุรกิจกิฟฟารีน พร้อม Transform องค์กรให้แข็งแกร่งและเติบโตอย่างมั่นคงในโลกยุคดิจิทัล โดยที่ผ่านมากิฟฟารีนเป็นธุรกิจขายตรงแบรนด์ไทยแบรนด์เดียวที่มียอดขายติดอันดับที่ 47 ของการจัดอันดับ Top 100 ขายตรงโลก 2022 (จากยอดขายปี 2021) และได้รับการจัดอันดับมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการบริหารงานของพญ.นลินี  ไพบูลย์ นักธุรกิจหญิงแถวหน้าของเมืองไทย ในฐานะผู้ที่ทำให้ธุรกิจกิฟฟารีนเติบโตอย่างมั่นคงมาจนถึงปัจจุบัน และขณะนี้ก็ได้ถ่ายทอดกลยุทธ์ทางธุรกิจให้กับทีมผู้บริหาร next generation เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต

“ผมจะใช้ประสบการณ์และความสามารถในการบริหารงานที่ทำมาตลอด 26 ปี จากที่เคยดูแลรับผิดชอบงานที่กิฟฟารีนในหลากหลายหน้าที่ เริ่มตั้งแต่การดูแลองค์กรสมาชิก พัฒนาการฝึกอบรม  บริหารงานการสื่อสารองค์กร และดูแลงานด้านสายงานการตลาด มาช่วยบริหารงานองค์กรให้เติบโตแข็งแกร่งอย่างมั่นคง แม้ปัจจุบันในโลกยุคดิจิทัลการแข่งขันในตลาดจะรุนแรงทุกรูปแบบก็ตาม ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายเงิน และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าในช่องทางขายใหม่ๆ เพิ่มขึ้น แต่ผมและทีมก็มีความพร้อมในเชิงกลยุทธ์และนโยบาย ในการการผลักดันให้กิฟฟารีนเติบโตอย่างเต็มที่ และสามารถทรานฟอร์มธุรกิจได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบให้เป็นธุรกิจ MLM ที่ทันยุคทันสมัย” นายพงศ์พสุ กล่าวทิ้งท้าย

เกี่ยวกับ “กิฟฟารีน”

“ทุกครั้งที่คุณใช้กิฟฟารีน นั่นคือความรับผิดชอบของเรา…ทุกครั้งที่คุณเชื่อมั่นในกิฟฟารีน นั่นคือ ความภูมิใจของเรา” กิฟฟารีนก่อกำเนิดจากความมุ่งมั่นของคณะแพทย์ และเภสัชกรที่ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อคุณภาพชีวิตของคนไทย ผ่านการรับรองที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ด้วยปณิธานยึดมั่นในความจริงใจ และความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคอันเต็มเปี่ยม “กิฟฟารีน” มียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องอันเกิดจากการวางแผนการตลาดที่มีวิสัยทัศน์ แผนการขายที่มีประสิทธิภาพ สามารถสร้างความมั่นคงให้แก่นักธุรกิจกิฟฟารีน พร้อมทั้งการสนับสนุนด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพ ในฐานะผู้นำธุรกิจเครือข่ายที่พร้อมจะตอบสนอง และสร้างความพึงพอใจแก่ผู้บริโภคในระยะยาว ปัจจุบัน “กิฟฟารีน” มีโรงงานที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก ด้วยเงินลงทุนสูงกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคนไทยมากที่สุด รวมไปถึงสามารถควบคุมต้นทุนการผลิต ตลอดจนคัดเลือกคุณภาพของวัตถุดิบที่ดีที่สุด