TIPH สุดแกร่งได้รับเครดิตเรทติ้ง “AA” สูงที่สุดในกลุ่มบริษัทโฮลดิ้งส์ไทยที่จัดอันดับโดยทริสเรทติ้ง

0
899

ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH โชว์ความแข็งแกร่งทางการเงิน หลังทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร หรือ Credit Rating ที่ “AA” สูงที่สุดในกลุ่มบริษัทโฮลดิ้งส์ในประเทศไทยที่จัดอันดับโดยทริสเรทติ้ง พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ขณะที่ศักยภาพที่โดดเด่นของบริษัทในกลุ่ม (Group Credit Profile : GCP) ยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งในที่นี้คือ ทิพยประกันภัย หรือ TIP ได้รับการจัดระดับสูงที่สุดเช่นกันที่ “aaa” ช่วยสนับสนุนความน่าเชื่อถือของกลุ่มธุรกิจ ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดภายใต้เกณฑ์ในการประเมินของทริสเรทติ้ง สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มธุรกิจภายใต้ TIPH ซึ่งมี TIP เป็นบริษัทแกน มีการจัดการความเสี่ยงทางธุรกิจที่ดีเยี่ยม และสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมาก ประกอบกับมีความเสี่ยงทางธุรกิจที่ต่ำ นอกจากนี้ทริสเรทติ้งยังพิจารณาถึงกรอบธรรมาภิบาล และสภาพคล่องทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของ TIPH และ TIP ประกอบการจัดอันดับ Credit Rating ในครั้งนี้ โดย ดร. สมพร เชื่อมั่นว่าการได้รับการจัดอันดับเครดิตในครั้งนี้จะเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้น และลูกค้าของบริษัทฯ ที่มีสูงอยู่แล้วให้มากขึ้นไปอีก รวมทั้งจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นต่อธุรกิจประกันภัยในภาพรวมของไทยด้วย หลังจากที่เพิ่งผ่านสถานการณ์โควิดมา นอกจากนี้จะช่วยให้การจัดหาเงินทุนของทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ในอนาคตมีต้นทุนที่ต่ำลง และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นในอนาคตได้

ดร. สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH เปิดเผยว่า “การได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรจากสถาบันชั้นนำของประเทศไทยอย่างทริสเรทติ้งในครั้งนี้ นอกจากจะสามารถช่วยให้ TIPH สามารถดำเนินการตามแนวทางในการสร้างมูลค่าเพิ่ม และผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นในอนาคต ผ่านการจัดหาเงินทุนที่จะนำมาใช้สนับสนุนการลงทุน และประกอบธุรกิจในต้นทุนที่ต่ำลงแล้ว ยังจะสามารถช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นต่อสถานะทางการเงิน และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการกลุ่มธุรกิจของ TIPH ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้การได้รับสถานะทางเครดิตของบริษัทในกลุ่ม ซึ่งมี ทิพยประกันภัย หรือ TIP เป็นบริษัทแกนของกลุ่ม ยังสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ TIP โดยเฉพาะการที่ทริสเรทติ้งระบุในรายงานถึงความแข็งแกร่งของ TIP จากสถานะความเสี่ยงทางธุรกิจที่อยู่ในระดับดีเยี่ยม ผลกำไรจากการรับประกันภัยที่เป็นเลิศ เงินกองทุนที่แข็งแกร่ง การบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบ รวมถึงสภาพคล่องที่เพียงพอ จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดของ TIPH และ TIP ที่มีสูงอยู่แล้วให้มากขึ้นไปอีก”
ทั้งนี้จากรายงานของทริสเรทติ้งระบุว่าการจัดอันดับเครดิตองค์กรของ TIPH ในครั้งนี้ส่วนใหญ่สะท้อนถึงสถานะทางเครดิตของ TIP อันเป็นบริษัทหลักของกลุ่ม โดยทริสเรทติ้งคาดว่า TIP จะคงสถานะทางการแข่งขันในฐานะหนึ่งในบริษัทประกันวินาศภัยชั้นนำของประเทศไทย โดยปัจจุบัน TIP เป็นบริษัทที่ให้บริการรับประกันภัย Non Motor ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด โดยที่ในมุมมองของทริสเรทติ้ง TIP สามารถปรับตัวต่อสภาวะทางธุรกิจและปัจจัยภายนอกที่ไม่พึงประสงค์ได้ จากการรับประกันภัยที่มีความหลากหลาย การรับประกันภัยอย่างระมัดระวัง และการประกันภัยต่ออย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ดี ผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TIPH ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ ประกอบด้วย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย อีกทั้งการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลยังช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับ TIP ได้ด้วย นอกจากนี้ การลงทุนในอนาคตของ TIPH ในนวัตกรรมทางการเงินและแพลตฟอร์มดิจิทัลจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการจัดจำหน่ายของ TIP ได้อีกทางหนึ่ง
จุดเด่นที่สำคัญของ TIP ในมุมมองของทริสเรทติ้ง คือความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยมีผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (Return On Average Equity – ROAE) อยู่ที่ระดับ 20%-25% ในช่วงปี 2559-2564 และความแข็งแกร่งของเงินกองทุน โดยที่ทริสเรทติ้งประเมินว่า TIP น่าจะคงอัตราส่วนเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio – CAR) ให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า และคาดว่าความผันผวนต่อเงินกองทุนของ TIP จะลดต่ำลงในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากมีการจัดการที่ดีต่อความเสี่ยงจากการรับประกันภัย มีการใช้ประกันภัยต่ออย่างมีประสิทธิภาพ และมีกลยุทธ์การลงทุนที่มุ่งเน้นที่รายได้ที่มั่นคง สุดท้ายคาดว่า TIP จะสามารถรักษาสภาพคล่องให้เพียงพอได้จากพอร์ตเงินลงทุนที่มีสินทรัพย์สภาพคล่องสูงเมื่อเทียบกับสำรองค่าสินไหมทดแทนของบริษัท