วช.จับมือหน่วยงานเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศจัดงาน“มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565” โชว์ผลงานฝืมือนักวิจัยไทยกว่า 700 ผลงาน พร้อมเปิดภาคการประชุม-ระดมสมองแก้โจทย์ปัญหาสำคัญของประเทศ 1-5 สิงหาคมนี้ ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์

0
1097

วันนี้ (20 กรกฎาคม 2565) ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) โดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดแถลงข่าวการจัดงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 ( Thailand Research Expo 2022 )”  ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 สิงหาคม 2565 ภายใต้แนวคิด“วิจัยเพื่อพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” โดยการจัดงานในปีนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเปิดงาน ฯ ในวันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2565 เวลา14.30 น.

ดร.วิภารัตน์  ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ  กล่าวว่า  วช. ร่วมมือกับหน่วยงานเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จัดงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 (Thailand Research Expo 2022)”  ขึ้นเป็นปีที่ 17  เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ผู้ทรงเป็น “พระบิดาแห่งการวิจัยไทย” และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงพระมหากรุณาธิคุณต่องานวิจัยไทย   งานดังกล่าวถือเป็นเวทีระดับชาติในการนำเสนอความก้าวหน้าของผลงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีศักยภาพพร้อมใช้ประโยชน์  และเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดการเผยแพร่และถ่ายทอดองค์ความรู้  รวมถึงเชื่อมโยงการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำงานวิจัยไปใช้พัฒนาประเทศในมิติต่างๆ ทั้งเชิงวิชาการ นโยบาย  สังคม ชุมชน พาณิชย์และอุตสาหกรรม

“งานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ  จัดขึ้นเป็นปีที่17  โดยความมุ่งมั่นตั้งใจของเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศ ทางวช.ภายใต้กระทรวงอว.มีความตั้งใจในการทำให้เวทีนี้เป็นเวทีที่ทำให้เกิดการนำผลสำเร็จจากงานวิจัยมาทำให้เห็นภาพว่าทุกเม็ดเงินการลงทุนจากการวิจัยและนวัตกรรมที่ได้ใช้จ่ายหรือลงทุนในแต่ละปี สามารถเกิดผลงานที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการพัฒนาประเทศในหลากหลายรูปแบบ สามารถแก้ไขปัญหาและสามารถช่วยให้คุณภาพชีวิต สภาพเศรษฐกิจและสังคมดีขึ้น อยากให้ทุกคนให้กำลังใจนักวิจัยและมาชอปผลงานวิจัยที่เกิดขึ้นรวมถึงการประชุมในประเด็นท้าทายใหม่ๆที่อยากให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม ”

​สำหรับการจัดงานในปีนี้ จะมีการนำเสนอผลงานวิจัยจากเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศกว่า 700 ผลงาน ใน 5 ประเด็นหลักคือ 1.งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจสร้างคุณค่าและเศรษฐกิจสร้างสรรค์   เช่น การพัฒนาระบบเศรษฐกิจบีซีจี (BCG)  การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล  เอไอ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ   การพัฒนาระบบโลจิสติกส์  ระบบราง  ยานยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจฐานนวัตกรรมขนาดใหญ่ 2.งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน  เช่น  การพัฒนาสังคมสูงวัย  การพัฒนาเมืองน่าอยู่    สังคมไทยไร้ความรุนแรง  และการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ  3.งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)  เช่น นวัตกรรมการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 ทั้งการควบคุม ป้องกัน และรักษาโรค  การสร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพและสาธารณสุข  และการเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤตด้านสาธารณสุขในอนาคต 4. งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต ครอบคลุมงานวิจัยและนวัตกรรมเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (First S-curve)   และอุตสาหกรรมใหม่ (New S-curve)  และ 5.งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อใช้ประโยชน์เชิงการพัฒนาพื้นที่  ครอบคลุมงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีการนำไปใช้ประโยชน์เชิงนโยบาย เชิงพาณิชย์ เชิงชุมชนสังคม ผ่านกลไกการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์

​ทั้งนี้ ภายในงานแถลงข่าว ฯ  ยังเปิดเวที “Thailand Research Expo Talk : เวทีรวมพลังวิจัย ขับเคลื่อนประเทศไทย” โดย ศ.กิตติคุณ นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ  ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ศ.นพ.วชิร  คชการ ประธานเครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (RUN)   รศ.ดร.สมหมาย  ผิวสอาด    ประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ผศ.ดร.ลินดา เกณฑ์มา ประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ​   และนพ.นพพร  ชื่นกลิ่น  ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข(สวรส.)และช่วง “Platinum Award Talk : เสริมพลังประชาคมวิจัย ด้วยรางวัลแห่งเกียรติยศ”  โดย ผศ.ดร.วันชัย  สุทธะนันท์   รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร  และ รศ.ชยาพร วัฒนศิริ   อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง   ในฐานะได้รับรางวัล Platinum Award ในงาน มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2564

นอกจากนี้ยังได้มีการเปิดตัว  “ เดี่ยว”     สุริยนต์  อรุณวัฒนกูล  เป็นทูตวิจัยมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565   พร้อมนำเสนอตัวอย่างผลงานวิจัยที่น่าสนใจ  เช่น การสร้างมูลค่าเพิ่มบัวฉลองขวัญด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจไทย จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีที่ร่วมกับภาคเอกชนพัฒนาการเพาะเลี้ยง สกัดสเต็มเชลล์จากบัวฉลองขวัญ และใช้เทคโนโลยีในการกักเก็บสารสำคัญ เพื่อพัฒนาเป็นนวัตกรรมเครื่องสำอางสเต็มเซลล์จากบัวฉลองขวัญที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับพืชสมุนไพรไทย   การพัฒนาฐานข้อมูลอัจฉริยะแหล่งอัญมณีโลก (AI) จากสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ที่นำเทคโนโลยีเอไอหรือปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้ในการบ่งชี้แหล่งที่มาของอัญมณีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจวิเคราะห์ และยกระดับความเชื่อมั่นให้กับอุตสาหกรรมอัญมณีของประเทศไทยโครงการศึกษาพัฒนารูปแบบยาเตรียมตำรับยาแผนไทย จำนวน 16 ตำรับที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม  จากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกที่ต่อยอดภูมิปัญญาทางการแพทย์แผนไทยโดยใช้องค์ความรู้ทางเทคโนโลยีเภสัชกรรม  นอกจากนี้ยังมีระบบการดูแลผู้ป่วย Home Isolation และ Community Isolation ด้วย Platform “ WeSAFE@Home by BUU” จากมหาวิทยาลัยบูรพา  ระบบพยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  และการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเบ็ดเสร็จและแม่นยำในจังหวัดพัทลุง  จากมหาวิทยาลัยทักษิณ

อย่างไรก็ดี ภายในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 นอกจากจะมีการนำเสนอผลงานวิจัยในภาคนิทรรศการแล้ว ยังมีภาคการประชุม-สัมมนามากกว่า 150 กว่า หัวข้อ  ทั้งหัวข้อสำคัญสำหรับการบริหารจัดการงานวิจัยและปัญหาสำคัญของประเทศ   หัวข้อที่อยู่ในความสนใจของสังคม  การประชุมกลุ่มนำเสนอบทความผลงานวิจัย  และการประชุมถ่ายทอดความรู้  การให้คำปรึกษาด้านการทำวิจัย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการประกวดนวัตกรรมสายอุดมศึกษากว่า 100 ผลงาน   และการมอบรางวัลมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565

สำหรับงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1- 5 สิงหาคม 2565 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานภาคการประชุมและภาคนิทรรศการได้ที่ https://researchexporegis.com  โดยลงทะเบียนเข้าชมแบบ Onsite ภายในวันที่ 27 กรกฎาคม 2565  และแบบ Online ภายในวันที่ 5 สิงหาคม 2565