HARDMAN Warehouse ศูนย์รวมแบรนด์เครื่องมือช่าง และฮาร์ดแวร์ (Power Tools) ครบวงจร  พร้อมสร้างความต่างด้วย Professional hardware community and workshop experience  เจาะกลุ่มคนรักงาน DIY และ ช่างมืออาชีพยุคใหม่ ที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง ตั้งเป้าโตปีละ 15% และขยายมากกว่า 20 สาขาทั่วประเทศ ภายใน 5 ปี

0
1290

Hardman (ฮาร์ดแมน) ศูนย์รวมแบรนด์เครื่องมือช่างและฮาร์ดแวร์(Power Tools) เดินหน้าต่อยอดธุรกิจครอบครัว บริษัท วิศิษฏ์ภัณฑ์ (1991) จำกัด ผู้นำเข้าค้าส่งเครื่องมือช่างอุปกรณ์ก่อสร้าง ด้วยกลยุทธ์ Omni-Channel ชูแนวคิด “ฉลาดเลือก ฉลาดช้อป ฉลาดใช้” พร้อมสร้างความต่างจาก Modern Trade ทั่วไป ด้วยพื้นที่คอมมูนิตี้แวร์เฮาส์สุดฮิป ตอบโจทย์คนรักงาน DIY และช่างมืออาชีพยุคใหม่ที่มีสไตล์เป็นของตัวเองและหันมาสร้างสรรค์ผลงาน รวมถึง ตกแต่ง ซ่อมบำรุงบ้านเอง ตลอดจนใส่ใจเลือกเครื่องมือช่างที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และน่าเชื่อถือ โดยวางแผนดำเนินธุรกิจให้เติบโตแบบมั่นคงและยั่งยืน ตั้งเป้าเติบโตปีละ 15% รวมถึงเปิดเฟรนไชส์และจุดคีออส รวมกันมากกว่า 20 สาขา ทั่วประเทศ ภายใน 5 ปี (พ.ศ.2570)

นายสมิต โชติอำพน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮาร์ดแมน จำกัด กล่าวว่า Hardman เริ่มต้นดำเนินธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์กลุ่มเครื่องมือช่างและฮาร์ดแวร์ Power Tools มาตั้งแต่ปี 2558 โดยจำหน่ายอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ 100% ผ่านแอพพลิเคชั่น Lazada, Shopee, JD Central และ ช่องทางโซเชียลมีเดีย Hardman Thailand ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี มียอดขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 10% ล่าสุดในปี 2563-2564 ที่ผ่านมา เติบโตสวนกระแสถึง 300% เนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น โดยหันมาซ่อมบำรุงบ้าน ทำสวน สร้างสรรค์ผลงานประดิษฐ์ ตกแต่ง ประกอบเฟอร์นิเจอร์ด้วยตัวเอง เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจ้างช่างมืออาชีพ 

สำหรับ Hardman Thailand เรามุ่งมั่นสร้างแบรนด์ที่แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ พร้อมต่อยอดธุรกิจของ บริษัท วิศิษฏ์ภัณฑ์ (1991) จำกัด ผู้นำค้าส่งเครื่องมือช่าง ประปา ปั๊มน้ำ งานเกษตร และเคมีภัณฑ์ ที่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจยาวนานกว่า 31 ปี รวมถึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับดีลเลอร์และแบรนด์ยอดนิยมจากต่างประเทศมากมาย โดยนำจุดแข็งนั้นมาเรียนรู้และคัดเลือกไอเท็มสินค้ามากกว่า 10,000 SKU เพื่อตอบโจทย์ ช่างมืออาชีพ วิศวกร สถาปนิก คนรักบ้าน และผู้ที่สนใจงาน DIY ยุคใหม่โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น สินค้ากลุ่มประดิษฐ์ สร้างสรรค์ และซ่อมแซมทั่วไป เครื่องมือช่างประจำบ้าน อุปกรณ์เทคโนโลยีไร้สาย เครื่องมือช่างมืออาชีพ อุปกรณ์ประปา การเกษตร อุปกรณ์ทำสวน ประกอบไปด้วยแบรนด์ชั้นนำอย่าง Bosch Makita Stanley Dewalt Festool Pumpkin Sanwa Meta VRH Hoyt Hefele เป็นต้น ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 7 ปีในการทำตลาดออนไลน์ ทำให้เราเข้าใจความต้องการของลูกค้าแบบอินไซต์ และมีฐานลูกค้าประจำมากมาย แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 60% ต่างจังหวัดอีก 40% 

ทั้งนี้การเปิด HARDMAN Warehouse รัชดา- พระราม 3 บนพื้นที่รวม 2,000 ตารางเมตร ใช้งบประมาณกว่า 50 ล้านบาท เพื่อสร้าง Professional Hardware Community ที่จะเป็น Connection ระหว่างช่างผู้มีประสบการณ์กับผู้เริ่มสนใจงานช่าง งาน DIY ที่ไม่ใช่แค่การขาย แต่เราจะสร้าง New experience ที่เต็มไปด้วยไอเดีย งานครีเอทีฟ ผ่านแบรนด์สินค้าชั้นนำ ที่ลูกค้าจะได้ทดลอง สัมผัสจริง รวมถึงเป็นศูนย์บริการหลังการขายแบบครบวงจร ตลอดจนมอบความรู้สึกที่แตกต่างไปจาก Modern Trade ทั่วไป ด้วยบรรยากาศการออกแบบภายใต้แนวคิด “โกดังช่างโบราณ” ผสานเสน่ห์ย่าน Red Hook Brooklyn, New York City จากฝีมือช่างไทยได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังตอบรับไลฟ์สไตล์สุดฮิป เอาใจเหล่าคอฟฟี่เลิฟเวอร์ ด้วยร้านกาแฟ Drill โดดเด่นในสไตล์ Brooklyn loft และการคัดเลือกสุดยอดเมล็ดกาแฟคุณภาพเยี่ยมจาก เอธิโอเปีย ฮอนดูรัส บราซิล เป็นต้น รวมไปถึง เบเกอรี่ และ ครอฟเฟิล เป็นต้น

นายสมิต โชติอำพน กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันยังไม่มีแบรนด์ไหนเข้ามาทำตลาดศูนย์รวมเครื่องมือช่างโดยเฉพาะอย่างจริงจัง และเห็นโอกาสเติบโตในกลุ่มคนรักงานประดิษฐ์ สร้างสรรค์ DIY ที่มีแนวโน้มได้รับความนิยมสูงขึ้น โดยบริษัทฯ จะใช้กลยุทธ์ Omni-Channel เชื่อมเครือข่ายออนไลน์และออฟไลน์ O2O (online to offline) ให้เข้าถึงลูกค้าและผู้ใช้บริการแบบรอบด้าน ครอบคลุมหลากหลายช่องทาง ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และเพิ่มความเชื่อมั่นในตัวสินค้าคุณภาพผ่านมาตฐานตามกำหนด การันตีของแท้จากแบรนด์ 100% ตลอดจนสร้างระบบขนส่ง การดูแลหลังการขาย รวมถึงให้ความรู้ คำแนะนำการเลือกซื้ออุปกรณ์ช่าง เครื่องมือ เครื่องใช้ที่มีคุณภาพ คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ พร้อมสร้างการรับรู้แบรนด์ Hardman ผ่านการประชาสัมพันธ์ในทุกรูปแบบ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ 

อย่างไรก็ตาม ตลาดเครื่องมือช่าง หรือ Powertools มีมูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท คิดเป็น 10% ของมูลค่าตลาดรวมวัสดุก่อสร้างทั้งหมด 500,000 ล้านบาท และคาดว่าจะโตไม่ต่ำกว่า 5% จากสัญญาณการเดินหน้าโครงการก่อสร้างในภาพรวม และทำให้กลุ่มตลาดเครื่องมือช่างก็เติบโตตามไปด้วย อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกโดยตรง จากสถานการณ์โควิด คนว่างมากขึ้น และสนุกกับงานซ่อมบำรุง หรือสร้างสรรค์ ประดิษฐ์ของใช้ตกแต่งบ้าน ภายในครอบครัว ตลอดจนตั้งใจนำผลงานไปโชว์ และเชิญชวนกันเองในโลกโซเซียล เป็นต้น