เซ็นทรัล รีเทล ปลื้ม CMG ฉลองความสำเร็จปี 2566 ยอดขายโตสตรอง 28% พร้อมเดินหน้าสร้างสถิติใหม่ในปี 2567 ยืนหนึ่งวงการแฟชั่นรีเทลไทย

0
252

บริษัท เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป จำกัด (CMG) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายและบริหารแบรนด์สินค้าชั้นนำระดับโลกกว่า 30 แบรนด์ในประเทศไทย ครอบคลุมกลุ่มสินค้าแฟชั่น ความงาม และเทคโนโลยี ประกาศความสำเร็จแบบนิวไฮในปี 2566 ด้วยยอดขายเติบโตขึ้นถึง 28% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งมาจากความแข็งแกร่งในการบริหารแบรนด์หลักในพอร์ตโฟลิโอ,  การทำการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า, ความเป็นเลิศในการบริหารจัดการร้านค้า และการพัฒนาแพลตฟอร์มออมนิแชแนลที่เชื่อมทุกช่องทางการขายเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ทั้งแพลตฟอร์ม
อีคอมเมิร์ซ โซเชียลมีเดีย และหน้าร้าน โดยในปี 2567 นี้ CMG เตรียมเขย่าวงการแฟชั่นรีเทลไทยอีกครั้ง ด้วยงบลงทุนกว่า 7,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าดันยอดขาย CMG ให้เติบโตก้าวกระโดดอีก 20% ในปีนี้

คุณเอ็ดวิน ยัป ฮอสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (CMG) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “ความมุ่งมั่นของ CMG คือ การเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งในธุรกิจแฟชั่นรีเทลที่สามารถส่งมอบแบรนด์ที่ดีที่สุดระดับโลกและสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ดีที่สุดให้กับคนไทย ผ่านแพลตฟอร์มออมนิแชแนลที่ครบวงจร และเชื่อมช่องทางออฟไลน์และออนไลน์เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงแบรนด์ของเราได้ทุกช่องทางอย่างสะดวกสบายและไร้รอยต่อ รวมถึงเรายังมุ่งมั่นในการเป็นองค์กรสุดยอดนายจ้างที่ทุกคนอยากร่วมงานด้วย เพราะหัวใจที่สำคัญที่สุดในการดำเนินธุรกิจของ CMG ก็คือ การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า แบรนด์ และทีมงานของเราทุกคน”

สำหรับปี 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่สร้างปรากฎการณ์ความสำเร็จให้กับ CMG สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกสถานการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ได้อย่างครอบคลุม ทั้งการปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพ และพัฒนาธุรกิจในหลากหลายมิติ ดังนี้

1. ความเป็นเลิศในการบริหารจัดการร้านค้า – ในปี 2566 CMG ได้เสริมแกร่งจุดขายออฟไลน์ด้วยการเปิดหน้าร้านใหม่กว่า 180 จุด ทำให้มีจุดขายในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าในประเทศไทยรวมกว่า 2,200 แห่ง และยังริเริ่มนำเทคโนโลยี AI มาใช้วิเคราะห์ร้านค้าชั้นนำของบริษัทฯ เพื่อติดตามการดำเนินงานในร้านค้าและผลักดันการปรับปรุงการให้บริการลูกค้าอย่างจริงจัง และด้วยปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ CMG มียอดการปิดการขาย และความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น พร้อมวางแผนที่จะขยายการใช้ระบบ AI สู่ร้านค้าอื่น ๆ ในเครือเพิ่มมากขึ้นในปี 2567

2. แพลตฟอร์มออมนิแชแนลแบบ 360 องศา – CMG ได้เปิดตัว 2 เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซใหม่ สำหรับจำหน่ายแบรนด์ Casio และ MLB ในปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งขยายจุดขายให้กับแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอสู่แพลตฟอร์ม Central Online และแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Lazada, Shopee และ Tiktok นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ยกระดับช่องทาง Omnichannel ให้ดียิ่งขึ้น และพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ CMG มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงแคมเปญออนไลน์ Double-Digit ในปี 2566

3. การขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ – CMG โฟกัสการทำการตลาดแบบ CRM ที่ขับเคลื่อนด้วย
บิ๊กดาต้า โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายฐานลูกค้ารายใหม่ผ่านทุกช่องทางที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงแบรนด์สินค้าได้ ซึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้จัดทำแคมเปญการตลาดไปแล้วมากกว่า 1,200 แคมเปญ ส่งผลให้มีจำนวนลูกค้าใหม่มากกว่า 1,000,000 ราย และมีผู้ติดตามมากกว่า 7.7 ล้านคนบนช่องทางโซเชียลมีเดีย

4. การขยายแบรนด์ใหม่ๆ – CMG ไม่เคยหยุดนิ่งในการเพิ่มแบรนด์ใหม่ระดับโลกเข้ามาในพอร์ตโฟลิโอ ในขณะเดียวกันก็เสริมแกร่งความสัมพันธ์ และสร้างความร่วมมือกับแบรนด์ที่มีอยู่เดิมในพอร์ตให้แข็งแรงยิ่งขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เพิ่มแบรนด์ชั้นนำต่างๆ เข้ามาในพอร์ตโฟลิโอ อาทิ CROCS และ FILA รวมถึงได้เป็นพันธมิตรค้าปลีกกับแบรนด์ SKECHERS และจัดให้มีวางจำหน่ายในทุกสาขาของศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัล พัฒนาและห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล นอกจากนี้ CMG ยังได้เปิดตัวแบรนด์ L:A BRUKET ซึ่งเป็นแบรนด์ความงามออร์แกนิกสัญชาติสวีเดน เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของลูกค้าชาวไทยในด้านการดูแลผิวพรรณและมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว

5. องค์กรที่มีความพร้อมมุ่งสู่อนาคต – หัวใจสำคัญของความสำเร็จของ CMG มาจากพนักงานทุกคน บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรให้มีศักยภาพ และมีการ Reskill – Upskill อยู่เสมอ โดยเริ่มตั้งแต่การฝึกอบรมในร้านค้า การเทรนนิ่งเฉพาะบุคคล ไปจนถึงโปรแกรมส่งเสริมการเติบโตในสายอาชีพ ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้ CMG ได้รับรางวัล “สุดยอดนายจ้างดีเด่นปี 2566” ติดต่อกัน 5 ปีซ้อนจากเวที Kincentric Thailand สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นองค์กรที่มีความพร้อม และได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน

“ในปี 2567 นี้ CMG จะยังคงมุ่งหน้ายกระดับธุรกิจ และสร้างมาตรฐานที่เหนือกว่าให้กับวงการ
รีเทลไทย ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง AI analytics และระบบอัตโนมัติ มาช่วยในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ อาทิ การปรับปรุงกระบวนการทำงานของพนักงาน, การให้บริการลูกค้าที่หน้าร้าน, แพลตฟอร์มออมนิแชแนล และการเพิ่มประสิทธิภาพด้าน CRM โดยเรามุ่งมั่นที่จะเร่งพัฒนานวัตกรรมให้ครอบคลุมรอบด้าน พร้อมทั้งตอบสนองความต้องการ ของลูกค้าในกลุ่มสินค้าแฟชั่นและความงามที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นให้ได้ดีที่สุด นอกจากนี้เรายังมีแผนที่จะเปิดจุดขายเพิ่มอีก 180 แห่ง เพื่อขยายขีดความสามารถในการให้บริการลูกค้าในหลากหลาย พื้นที่ทั่วประเทศ ตลอดจนมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยเริ่มจากประเทศเวียดนาม ซึ่งบริษัทแม่ของเราอย่างเซ็นทรัล รีเทล ได้รุกตลาดและสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งไว้อยู่ก่อนแล้ว ที่สำคัญเราจะยังคงมุ่งมั่นและทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อเสริมแกร่งความเป็นผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายและบริหารแบรนด์สินค้าชั้นนำระดับโลก ควบคู่ไปกับการเป็นบริษัทฯ ที่บริหารงานบนหลักธรรมาภิบาล และเป็นองค์กรที่ทุกคนอยากร่วมงานด้วย” คุณเอ็ดวิน กล่าวทิ้งท้าย

เกี่ยวกับ CMG

บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป หรือ CMG บริษัทผู้นำด้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ดังระดับโลกกว่า 30 แบรนด์ ตั้งแต่แฟชั่น ยีนส์ ความงาม นาฬิกา รองเท้า เครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์สำหรับบ้านและไลฟ์สไตล์จากทั่วทุกมุมโลก อาทิ เช่น DYSON, CASIO, GARMIN, CLARINS, THREE, THE BODY SHOP, CALVIN KLEIN JEANS, POLO RALPH LAUREN, PAUL SMITH, MLB, GUESS, A|X Armani Exchange, LEE, WRANGLER, FITFLOP, SKECHERS, JOCKEY, HUSH PUPPIES, CROCS เป็นต้น ซึ่งอยู่ในเครือเซ็นทรัล รีเทล บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป หรือ CMG มุ่งมั่นในการสรรหาแบรนด์ และผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจากทั่วโลกที่มาพร้อมคุณภาพ และเทคโนโลยีสุดล้ำ พร้อมการบริการที่ดีเยี่ยมเพื่อทำให้ชีวิตคนไทยสะดวกสบาย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีร้านค้าและเคาน์เตอร์มากกว่า 2,200 แห่งทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย นอกจากนี้เรายังมุ่งมั่นที่จะสร้างความสะดวกในการซื้อให้กับลูกค้า ด้วยการเพิ่มช่องทางการขายด้านอีคอมเมิร์ซและการริเริ่มหลากหลายช่องทางต่างๆ  เพื่อให้เป็นองค์กรที่ลูกค้าต้องการด้วยแบรนด์ที่ดีที่สุดในโลก 

เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format and Multi-category) ในประเทศไทย และมีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเป็นผู้นำในประเทศอิตาลีและเป็นหนึ่งในผู้นำในประเทศเวียดนาม เครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งทั้งหมด 3,687 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มฟู้ด ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านสะดวกซื้อซูเปอร์มาร์เก็ต และศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหารภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งต่าง ๆ เช่น ท็อปส์ ท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์ ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด ท็อปส์เดลี่  โก โฮลเซลล์  บิ๊กซี / GO! และ ท็อปส์ มาร์เก็ต เวียดนาม มินิ โก (go!) เวียดนาม ลานชี มาร์ท เวียดนาม (2) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ บ้าน แอนด์ บียอนด์ /บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (3) กลุ่มแฟชั่นซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่ สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม (5) กลุ่มเฮลธ์แอนด์เวลเนส ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายและให้บริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยง เช่น ท็อปส์แคร์ ท็อปส์วีต้า และ เพ็ทแอนด์มี โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 60 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 42 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ