“ไลอ้อน ประเทศไทย” เดินหน้าขยายธุรกิจเชิงรุก จุดพลุเปิดตัว “Eco Tower” หออบผงซักฟอกแห่งใหม่ เพื่อรองรับการขยายตลาดในประเทศและต่างประเทศ ชูศักยภาพเทคโนโลยีทันสมัยด้วย AI 4.0 ใช้ระบบปิดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เผยไลอ้อนจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว พร้อมจัดงานฉลองครบรอบการดำเนินธุรกิจ “52 สู่ 100 ปี ที่มั่นคงและเป็นสุข” ประกาศเจตนารมณ์เดินหน้าขยายธุรกิจ ด้วยยุทธศาสตร์การบริหาร “ธุรกิจคู่คุณธรรม”
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี ประธานกรรมการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจในเชิงรุกเพื่อสร้างศักยภาพให้กับธุรกิจไลอ้อน โดยล่าสุดได้เปิดตัว “Eco Tower” อาคารธรรมมงคล ณ โรงงานไลอ้อน ศรีราชา จ.ชลบุรี ด้วยงบประมาณลงทุนพันล้านบาท ซึ่งเป็นหออบผงซักฟอกแห่งใหม่ มีขนาดใหญ่สูงถึง 67 เมตร ใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตทันสมัย จะทำให้ ไลอ้อน ประเทศไทยมีกำลังการผลิตรวมต่อปี ประมาณ 600,000 ตัน
“อาคารธรรมมงคล หรือ Eco Tower จะเป็นหออบผงซักฟอกที่ช่วยเสริมศักยภาพการผลิตให้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว โดยเหตุผลที่ไลอ้อน ประเทศไทยขยายกำลังการผลิตผงซักฟอกเพิ่ม เพื่อให้รองรับกับการทำตลาดในประเทศไทยและตลาดต่างประเทศที่เราจะมีการส่งออกเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว ที่ผงซักฟอกโปรและ ผงซักฟอกซื่อสัตย์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เรามองว่าตลาดนี้ยังโตได้อีก ซึ่งปัจจุบันไลอ้อน ประเทศไทย มีส่วนแบ่งตลาดผงซักฟอกอยู่ในอันดับ 2 และบริษัทฯมียอดขายรวมเติบโตอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยในปีที่ผ่านมาแม้จะประสบกับวิกฤติการระบาดโรคโควิด-19 แต่ก็ยังสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมาย ส่วนในอนาคตด้วยเทคโนโลยีการผลิตของหออบผงซักฟอกที่ทันสมัยนี้ เราจะได้เห็นพัฒนาการผงซักฟอกที่มีเทคโนโลยีในการขจัดคราบสกปรกโดยไม่ต้องขยี้ นับว่าตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคไปได้อีกขั้น” นายบุญฤทธิ์กล่าว
สำหรับการสร้างอาคาร Eco Tower ใช้โมเดลจากประเทศญี่ปุ่น ถูกออกแบบภายใต้ Concept Design 4 ข้อ ได้แก่ 1. Smart Factory มีระบบการผลิตด้วยเทคโนโลยีทันสมัย Full automation ด้วย AI 4.0 ใช้ระบบควบคุมอัตโนมติ ผ่าน Central Control Room กระบวนการผลิตเป็นระบบปิดอัตโนมัติทั้งระบบ, Smart Design สามารถประมวลผลวิเคราะห์ตลาด และความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างสมดุลย์, Smart Planning สามารถวิเคราะห์ Productivity เพื่อพัฒนาการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด, Smart Material tracking มีการติดตามการรับส่งวัตถุดิบและปริมาณการใช้ในแต่ละวันได้อย่างแม่นยำ, Smart Process Monitor ผ่านระบบ Online และBalance การผลิตเป็นไปอย่างอัตโนมัติ, Smart Quality Control ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจเช็คคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐาน และSmart Maintenance สามารถประเมินการใช้พลังงานในโรงงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
2.ECO Design โรงงานแห่งนี้ได้มีการออกแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านเกณฑ์มาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้แก่ Zero Wasteระบบการจัดการของเสีย100% ไม่มีการปลดปล่อยของเสียจากกระบวนการผลิตเลย, Energy Efficiency การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน โดยติดตั้ง Solar cell บนหลังคาโรงงาน และยังมีการนำพลังงานความร้อนในการอบผงซักฟอก กลับมาใช้ในกระบวนการซ้ำ, Environmental Friendly การออกแบบโรงงานเป็นระบบปิด เพื่อควบคุมการปลดปล่อยของเสียในอากาศ และระบบ Double Dust Filter เพื่อกรองอากาศให้บริสุทธิ์, Reliable Production Activity ดำเนินกิจกรรมภายใต้มาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรม สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผลิตภัณฑ์, Symbiosis with community การเกื้อกูลกับผู้มีส่วนได้เสียกับสังคมชุมชนโดยรอบ
3.Cost Reduction มีการพัฒนากระบวนการผลิตที่มีคุณภาพทันสมัย ภายใต้ต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำ ออกแบบโดยวิศวกรของบริษัทฯ พัฒนาระบบร่วมกับ DBI Technology 4.Wisdom Ecology ตัวอาคารและพื้นที่โดยรอบมีการออกแบบให้อาคารโอบล้อมกลางสระบัว และล้อมด้วยสวนรมณีย์ปลูกพรรณไม้ในพุทธประวัติ อาทิ ต้นศรีมหาโพธิ์ นอกจากได้ความร่มเงาและความสวยงามแล้ว ยังเป็นต้นไม้มงคลที่เสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่ที่พักอาศัย ผู้พบเห็นได้ระลึกถึงการทำความดีผ่านต้นไม้มงคลเหล่านี้ ชื่ออาคาร “ธรรมมงคล (Dhamma Mongkol Building)” เพื่อรำลึกถึงคุณความดีของนายแพทย์มงคล ณ สงขลา ผู้ร่วมพัฒนาองค์กรดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่ส่งเสริมให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี
“กว่า 5 ทศวรรษ ที่ไลอ้อน ประเทศไทย สามารถฝ่าวิกฤตก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ และยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้ ด้วยยุทธศาสตร์การบริหาร “ธุรกิจคู่คุณธรรม” ดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักความมีคุณธรรมเป็นหัวใจในการดำเนินกิจการ เป็นการสร้างประโยชน์สุขทั้งต่อพนักงาน ผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อม ในรูปแบบของ “องค์กรคนดี” เราจะเดินหน้าพัฒนาธุรกิจอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งการขยายกิจการ การเป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีในการวิจัยและพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้บริโภค” นายบุญฤทธิ์ กล่าว