ไทยพาณิชย์แนะเอส​เอ็มอีทำ Business Matching สร้างโอกาสโตฝ่าวิกฤต เปิดเคล็ดลับเตรียมตัวจับคู่ธุรกิจอย่างไรให้ลงล็อค

0
1505

ในยุคที่ธุรกิจแข่งขันกันอย่างดุเดือดอยู่แล้ว ยังต้องถูกซ้ำเติมด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกแล้วระลอกเล่าอย่างไม่รู้จบ และด้วยภาวะเศรษฐกิจดำดิ่งแบบนี้ การต่อสู้เพียงลำพังเพื่อพาธุรกิจให้อยู่รอดและไปต่อให้ได้ดูจะเป็นเรื่องยากลำบาก แม้จะงัดกลยุทธ์กับแทบทุกกระบวนท่าแต่ธุรกิจก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ เราลองมาเปิดโอกาสให้ธุรกิจได้พบเจอเครือข่ายใหม่ๆ เพราะหากได้สานต่อกับคู่เจรจาที่ลงตัว ธุรกิจเราอาจจะไม่ใช่เพียงแค่รอดแต่จะไปได้ไกลและขยายตัวได้กว้างกว่าที่คาดเสียอีก

นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “ทุกวันนี้มีหน่วยงานมากมายที่พร้อมเป็นตัวกลางในการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการเงิน ซึ่งองค์กรเหล่านี้มีเครือข่ายธุรกิจที่หลากหลาย และมีศักยภาพที่จะนำพาเราให้ไปถึงผู้มีอำนาจตัดสินใจโดยตรง จึงเป็นเหมือนทางลัดให้ธุรกิจไม่ต้องเสียเวลาในการตามหาเนื้อคู่และสามารถจูงมือกันก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว ธนาคารไทยพาณิชย์ เองเป็นองค์กรหนึ่งที่ช่วยเป็นตัวกลางในการทำ Business Matching โดยมีการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจให้กับลูกค้าเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ทั้งการจับคู่ระหว่างธุรกิจในประเทศด้วยกัน และการจับคู่กับธุรกิจในต่างประเทศ ได้เห็นทั้งเคสที่ประสบความสำเร็จและที่ล้มเหลวในการเจรจามานับไม่ถ้วน จึงขอแบ่งปันประสบการณ์ช่วยแนะนำผู้ประกอบการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนลงสนาม Business Matching  เพื่อไม่ให้โอกาสหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย   

  1. ประเมินศักยภาพของธุรกิจของตัวท่านเอง นับเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อเริ่มคิดที่จะออกไปเสาะหาโอกาสจากการจับคู่ธุรกิจ เราต้องรู้ว่าธุรกิจเรามีจุดแข็งและแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดอย่างไร รวมถึงกำลังการผลิตและการให้บริการสามารถรองรับได้มากน้อยเพียงใด เพราะช่วยทำให้รู้ว่าเราจะสามารถนำสิ่งที่มีช่วยเติมเต็มและต่อยอดให้กับคู่เจรจาอย่างไรได้บ้าง และยังช่วยให้การเลือกคู่เจรจาเป็นไปอย่างเหมาะสมหรือเลือกเจรจาได้ถูกคู่นั่นเอง
  1. ศึกษาข้อมูลของคู่เจรจารวมถึงคู่ค้าเดิม โปรดจำไว้ว่า รู้เขา รู้เรา รู้คู่แข่ง โอกาสชนะยิ่งมีมาก พยายามศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากเอกสารที่ตัวกลางในการเจรจาเตรียมให้เท่านั้น เช่น รายงานบริษัท เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย ตลอดจนข่าวที่เกี่ยวข้อง เพราะจะทำให้เราเข้าใจและมองเห็นคู่เจรจาของเราได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น ยังมีช่องว่างตรงไหนที่จะเป็นโอกาสของเรา เขาชอบคู่ค้าแบบไหน คู่ค้าเดิมช่วยเติมเต็มสิ่งใดไปแล้วบ้าง สิ่งนั้นมีจุดอ่อนที่ธุรกิจของเราจะช่วยพัฒนาต่อได้อย่างไร 
  1. เตรียมพรีเซนเตชั่นสำคัญที่บ่งบอกความสามารถขององค์กรให้พร้อม เพราะการเจรจาธุรกิจในแต่ละรอบจะมีเวลาสำหรับการนำเสนอข้อมูลที่จำกัด เอกสารเพิ่มเติม หรือประวัติของบริษัทโดยย่อ จะช่วยให้คู่เจรจาเห็นความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และศักยภาพภาพของเราได้แจ่มชัด นอกจากนี้ แนะนำให้เพิ่มเอกสารเช่น เกียรติบัตร ใบรับรอง รางวัลที่เคยได้รับ ผลงานที่ผ่านมาได้ร่วมงานกับที่ใดมาแล้วบ้าง สร้างผลลัพธ์ให้กับคู่ค้าอย่างไร ข้อมูลแต่ละประเภทควรจัดทำให้กระชับ อ่านและเข้าใจได้ง่าย ภายใน 1 หน้ากระดาษ      
  1. ฝึกฝนจนชำนาญ หลายครั้งที่ได้เห็นคู่เจรจาธุรกิจตกม้าตายเพียงเพราะขาดทักษะในการนำเสนอทั้งที่องค์กรที่จุดแข็งมากเพียงพอ เราเชื่อว่าทักษะการนำเสนอ และบุคลิกของผู้นำเสนอเป็นสิ่งที่ฝึกฝนได้ แนะนำให้ลิสต์หัวข้อที่จะนำเสนออย่างเป็นลำดับ กระชับข้อมูล นำเสนอเฉพาะไฮไลท์ที่สะท้อนถึงความสามารถและความแตกต่างของธุรกิจ เราจะต้องสร้างความประทับใจให้ได้ภายใต้เวลาที่มี บุคลิกของผู้เจรจาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องจากเป็นตัวแทนขององค์กร สะท้อนภาพลักษณ์ขององค์กรได้อีกทางหนึ่ง จึงควรฝึกบุคลิกภาพ และซ้อมพูดโดยการเปล่งเสียงออกมาและจับเวลาเหมือนอยู่ในสถานการณ์จริง การฝึกฝนจนชำนาญจะช่วยลดความประหม่าและช่วยให้เราจัดการข้อมูลกับเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  1. คาดการณ์คำถามที่อาจเกิดขึ้นและเตรียมแนวคำตอบไว้ล่วงหน้า อยากให้คุณเปลี่ยนความวิตกกังวลจากการถูกตั้งคำถามมาเป็นความดีใจ เพราะนั่นแสดงว่าคู่เจรจาสนใจธุรกิจของคุณ อาจกำลังคิดหาแนวทางที่ไปต่อด้วยกัน หลักสำคัญในขั้นตอนนี้ คือ ระงับความตื่นเต้น มีสติในการฟังคำถาม และตอบคำถามให้ตรงประเด็น สั้น และกระชับ ทำตามมาถึงขั้นนี้เราเชื่อว่าข้อมูลสำคัญต่างๆ มีพร้อมอยู่ในมือของคุณหมดแล้ว 
  1. ติดตามความคืบหน้าหลังจบงาน สิ่งที่ทำมาจะสูญเปล่าหากละเลยขั้นตอนนี้ไป การเจรจาธุรกิจทุกครั้งต้องอย่าลืมแลกเปลี่ยนนามบัตร หรือแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่ออื่นๆ เด็ดขาด เพื่อประโยชน์ในการติดตามผลเจรจา หรือนัดหมายเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเพิ่มเติม อีกทั้งเป็นโอกาสในการสานต่อความสัมพันธ์ที่ดีอีกด้วย 

เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าเอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์ มีแผนจัดกิจกรรม Business Matching ตลอดทั้งปี โดยในเดือนกรกฎาคม 2564 ธนาคารไทยพาณิชย์ และบริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) จะร่วมกันจัดกิจกรรม Online Business Matching จับคู่ธุรกิจระหว่างลูกค้าเอสเอ็มอีในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัยทั้งระบบ กับผู้มีอำนาจตัดสินใจในการจัดซื้อของบริษัทแสนสิริโดยตรง ซึ่งเป็น fast lane ของการจับคู่ธุรกิจที่ไม่ได้เกิดขึ้นทั่วไป  นอกจากนี้ ยังมีโครงการจับคู่ระหว่างลูกค้าเอสเอ็มอี กับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้เอสเอ็มอีเสนอโครงการขอรับทุนสำหรับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อภาคธุรกิจ ทุนละ 250,000 บาท และ 10,000 บาทแบบให้เปล่า รวมถึงการเปิดเวที Matching ให้เอสเอ็มอีทางด้านดิจิทัลได้นำเสนอธุรกิจเพื่อคัดเลือกให้มีรายชื่อใน service provider ของดีป้า ช่วยเบิกทางสู่การเป็นผู้ให้บริการแก่บริษัทธุรกิจในเครือข่ายของดีป้าในอนาคต โอกาสดีๆ จากการเจรจาธุรกิจในหลากหลายมิติที่ธนาคารไทยพาณิชย์พร้อมเป็นสะพานเชื่อมความสำเร็จให้กับผู้ประกอบการไทยทุกกลุ่ม ถึงเวลาที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องก้าวข้ามกรอบความคิดเดิม ยอมรับให้ได้ว่าไม่มีใครเก่งและถนัดในทุกเรื่องโดยเฉพาะในยุคดิจิทัลเช่นนี้ ยืนบนลำแข้งทำธุรกิจเพียงลำพัง ดูจะไม่ทันการณ์สำหรับโลกธุรกิจในปัจจุบัน ลองมาลงสนาม Business Matching เปิดโอกาสได้เจอธุรกิจที่ความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ มากมายที่เราอาจไม่เคยรู้จักมาก่อนเสียด้วยซ้ำ เข้ามาช่วยเสริมต่อธุรกิจซึ่งและกันให้พร้อมก้าวไปข้างหน้าและแข่งขันได้อย่างเต็มศักยภาพ 

ลูกค้าเอสเอ็มอีที่สนใจสามารถติดตามกิจกรรมจับคู่ธุรกิจของธนาคารไทยพาณิชย์ได้ผ่านทาง Facebook SCB SME:  https://www.facebook.com/groups/scbsme  หรือลูกค้าเอสเอ็มอีที่ประสงค์เจรจาจับคู่ธุรกิจกับองค์กรพันธมิตรอื่นๆ ของธนาคารไทยพาณิชย์ สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์ที่ดูแลท่านอยู่ได้โดยตรง