ไทยประกันชีวิตยกระดับสู่การสร้างคุณค่าร่วมระหว่างองค์กรและสังคม หรือ CSV ริเริ่มโครงการ “ไทยประกันชีวิต เสริมโอกาส สุขยั่งยืน” ส่งเสริมศักยภาพวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ พร้อมใช้แพลตฟอร์ม Social Media หนุน จัดตลาดนัดออนไลน์ขายสินค้าและเพจเพิ่มพูนทักษะ วางเป้าพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยให้เข้มแข็ง ตอบโจทย์การพัฒนาองค์กรและสังคมสู่ความยั่งยืน

0
1598

นายไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไทยประกันชีวิตดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดการตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต คุณค่าของความรัก และคุณค่าของมนุษย์ (Value of Life, Value of Love & Value of People) ด้วยการมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ยั่งยืนควบคู่สังคมไทย ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ CSR ของบริษัทฯ เป็นไปอย่างยั่งยืน บริษัทฯ จึงยกระดับการดำเนินงานด้าน CSR สู่การสร้างคุณค่าร่วม หรือ Creating Shared Value (CSV) โดยการพัฒนา Business Model ให้เกิดคุณค่าทางเศรษฐกิจร่วมกันระหว่างสังคมและบริษัทฯ สามารถเติมเต็มความต้องการของ Stakeholder ในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น คู่ค้า และสังคม

บริษัทฯ จึงได้ดำเนินโครงการ “ไทยประกันชีวิต เสริมโอกาส สุขยั่งยืน” ซึ่งเป็นโครงการในลักษณะ CSV โดยเป็นโครงการมุ่งสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน ซึ่งเป็นสถานประกอบการที่เกิดจากการรวมตัวของชุมชนในระดับตำบลและหมู่บ้าน มีการใช้วัตถุดิบ ทรัพยากร ทุน และแรงงานจากท้องถิ่นเป็นหลัก  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้มากขึ้น มีสุขภาพที่ดี มีชีวิตที่ยืนยาวบนความมั่งคั่ง โดยบริษัทฯ นำองค์ความรู้ ทักษะ ความเชี่ยวชาญจากบุคคลากรมาถ่ายทอดเพื่อติดอาวุธทางการตลาด ผ่านการพัฒนาทักษะด้านการขาย  การสื่อสาร และการบริหารจัดการการเงิน โดยในปี 2562 นำร่องโครงการฯ สำหรับวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดเชียงราย และในปีนี้เตรียมขยายไปสู่วิสาหกิจชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, สุรินทร์ และกาฬสินธุ์

“จากข้อมูลพบว่า ประเทศไทยมีวิสาหกิจชุมชนกว่า 91,900  แห่ง มีจำนวนสมาชิกกว่า 1,700,000 ราย แต่ไม่มีองค์กรใดที่จะให้การส่งเสริมพัฒนาวิสาหกิจชุมชนอย่างจริงจัง ส่งผลให้มีวิสาหกิจชุมชนจำนวนมากไม่พร้อมแข่งขันทางการค้า ซึ่งวิสาหกิจชุมชนส่วนใหญ่จะมีความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดี แต่ด้วยข้อจำกัดด้านการแข่งขันทางธุรกิจ รวมถึงความรู้ด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ การหาช่องทางการตลาด และความชำนาญด้านการบริหารการตลาด การบริหารจัดการเงิน ที่อาจไม่ทัดเทียมผู้ประกอบการมืออาชีพ อย่างไรก็ตาม วิสาหกิจชุมชนเหล่านี้มีความมุ่งมั่นที่ต้องการจะพัฒนาสู่การเป็นผู้ประกอบการของหน่วยธุรกิจที่สูงขึ้น” นายไชยกล่าว

โครงการนี้จึงมุ่งถ่ายทอดองค์ความรู้ในลักษณะสอนให้ทำ นำไปใช้ได้จริง ด้วยการจัดอบรมโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญตามแนวทาง Training & Coaching ควบคู่กับการจัด Workshop และเมื่อจบกิจกรรมการอบรมแล้ว ทีมโค้ชผู้อบรมจะติดตามผลเชิงปฏิบัติหลังการอบรมอย่างใกล้ชิด  

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้เปิดช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ และเกษตรกรที่ขายผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ ด้วยการจัดทำตลาดนัดออนไลน์ (Market Place) ผ่าน​ เฟซบุ๊กกรุ๊ป “ตลาดสุขยั่งยืน มาร์เก็ตเพลส” เพื่อเป็นชุมชนกลางในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ รวมถึงจัดทำ​    เฟซบุ๊กเพจเพิ่มพูนความรู้ในลักษณะ Knowledge Place คือ “เสริมโอกาส สุขยั่งยืน” เพื่อเผยแพร่ความรู้จากวิทยากรของโครงการฯ รวมถึงเทคนิคในการทำการตลาด การเพิ่มยอดขาย ซึ่งวิสาหกิจชุมชนสามารถเข้าไปเรียนรู้และศึกษาข้อมูลได้ตลอดเวลา  รวมถึงในอนาคตอันใกล้นี้ไทยประกันชีวิตยังมีแผนที่จะปรับเปลี่ยนสาขาทั่วประเทศกว่า 270 แห่ง ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้และพัฒนาชุมชนในอนาคตอีกด้วย 

โครงการไทยประกันชีวิต เสริมโอกาส สุขยั่งยืน นับเป็นโครงการที่ได้รับผลตอบรับที่ดี ทั้งในด้านความร่วมมือจากวิสาหกิจชุมชน​รวมถึงการได้รับรางวัลการันตีความสำเร็จ โดยสามารถคว้ารางวัลระดับนานาชาติถึง 2 รางวัล คือ รางวัล CSR Initiative of the Year 2020 – Thailand  จากการประกวด Insurance Asia Awards 2020  ประเทศสิงคโปร์ และรางวัล Asia Responsible Enterprise Awards 2020 (AREA 2020) ประเภท Investment in People ประเทศสิงคโปร์