“แด๊กซิน” เปิดโมเดลรอด ! ปรับกลยุทธ์เผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ หลังโควิด-19 ระบาดทั่วโลก รุกดันยอดขายออนไลน์ เสริมระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์หนุนนักธุรกิจ หลังมาตรการ “โซเชียล ดิสแทนซิ่ง” (Social Distancing) เผยปีที่ผ่านมายอดโต 15 – 20% หวังปี 63 แม้ยอดไม่ปังตามเป้า แต่บริษัทพร้อมจัดโปรโมชั่นฮอต ดึงดูดลูกค้าเก่า ตอบรับความต้องการผู้บริโภค
คุณทวีวงศ์ อับดุลบุตร ประธานกรรมการ บริษัท แด๊กซิน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึง ภาพรวมการเติบโตในปี 62 ที่ผ่านมาประมาณ 15 – 20% เนื่องจากกระแสหลินจือที่กลับมาบูมอีกครั้ง และกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตรได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น สำหรับในปี 63 นี้มีเหตุให้ธุรกิจขยายตัวลำบาก เนื่องจากภัยแล้งและการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งธุรกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย ส่งผลให้กำลังซื้อหดลง จากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม Social Distancing
ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น และยังมีความไม่แน่นอนว่าจะยืดเยื้อแค่ไหน แต่ละบริษัทจึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยกำหนดนโยบายหาทางออก ปรับตัวเพื่อความอยู่รอดขององค์กรและธุรกิจ กู้ยอดขาย เพื่อฝ่าวิกฤติ และสามารถนำพาธุรกิจออกมาจากวิกฤตนี้ได้ทัน
“ธุรกิจไหนก็ล้วนได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 เราก็เช่นเดียวกัน แต่บริษัทก็มีการปรับตัวด้านการตลาดอยู่ตลอด ตอนนี้ก็เริ่มวางระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ให้นักธุรกิจ ซึ่งด้านงานออนไลน์เราวางระบบไว้กว่า 3 ปีแล้ว ในเวลานี้ก็จะพยายามซัพพอร์ตนักธุรกิจให้มากขึ้นไปอีก แต่เนื่องจากกลุ่มผู้นำส่วนใหญ่ 70% มีอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป ถนัดงานด้านออฟไลน์ และการลงพื้นที่จริงมากกว่าการทำออนไลน์ จึงเป็นเรื่องยากในการขยายตลอดช่วงนี้ แม้ต่างจังหวัดจะไม่กระทบเท่ากรุงเทพฯ ก็ตาม ส่วนผู้นำที่ใช้ระบบออนไลน์อีก 30% ก็ยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ คาดว่าในอนาคตเราจะพยายามเพิ่มผู้นำด้านออนไลน์ในช่วงอายุ 20 – 35 ปี ซึ่งจัดเป็นกลุ่มที่ใช้โซเชียลเพิ่มขึ้น”
ทั้งนี้บริษัทมองว่า ปัจจัยที่ธุรกิจสะดุด มาจากมาตรการของรัฐบาลในกรณีเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้ผู้นำต้องหยุดพกปะนักธุรกิจ ทำให้ขยายฐานธุรกิจดำเนินงานสะดุด ส่วนคนทำงานออนไลน์ก็ทำงานตามปกติ การทำงานไม่หยุดชะงัก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของทุกปี ส่งผลให้บริษัทต้องเร่งขยายฐานลูกค้า รวมถึงรักษาฐานลูกค้าเดิมให้มากที่สุด
แด๊กซิน ประเทศไทย ดำเนินธุรกิจเครือข่ายมาแล้วถึง 25 ปี การันตีความเก๋าเกมในวงการธุรกิจขายตรงมายาวนาน อีกบริษัทหนึ่ง ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกหลักแสนราย ตัวเลขแอคทีฟนับหมื่นราย มีสินค้าทั้งหมด 7 กลุ่มร่วม 100 รายการ ขณะเดียวกันบริษัทยังไม่มีแผนเพิ่มไลน์สินค้าใหม่เข้ามา เนื่องจากผลิตภัณฑ์เดิมยังสามารถสร้างยอดขายต่อเนื่อง โดยสินค้าที่ขายดีอันดับ 1 ยังคงเป็นกลุ่มเพื่อสุขภาพ คือ เห็ดหลินจือราก และ ดอก 6 สายพันธุ์ รองลงมาคือ กาแฟสำเร็จรูป ผสมเห็ดหลินจือ
“อย่างไรก็ตามสถานการณ์นี้ถือเป็นโอกาสดีในการปรับตัว ปรับกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อนำพาธุรกิจออกจากวิกฤตต่างๆ ได้ เช่น การจัดอบรมให้ความรู้พนักงานถึงความสำคัญในด้านออนไลน์ รวมถึงวางแผนธุรกิจทั้งเชิงรุกและรับ หากเกิดสถานการณ์วิกฤตขึ้นอีกในอนาคต พร้อมทั้งส่งเสริมระบบการทำงานผ่านช่องทางออนไลน์ของทุกฝ่าย ซึ่งตอนนี้มีการปรับเปลี่ยนการทำงานเป็นระบบ work from home เพื่อให้การทำงานไม่สะดุดสำหรับนักธุรกิจ หรือผู้นำ และเพิ่มศักยภาพช่องทางการขายออนไลน์ ให้มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับยอดขายที่เติบโตมากขึ้น และธุรกิจเครือข่ายถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการเพิ่มรายได้อีกกระเป๋าหนึ่งของคนไทย โดยเฉพาะในช่วงเวลาแบบนี้ ยิ่งต้องหาหลักประกันรายได้เพิ่ม เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี และมั่นคงขึ้น” คุณทวีวงศ์ กล่าวปิดท้าย