เอไอเอ ประเทศไทย จับมือ อเล็กซ์ เรนเดลล์ นำทีมเพาะกล้าไม้ นำกลับคืนสู่ป่าชายเลน ตอกย้ำความสำเร็จแคมเปญ “ลดการพรินต์ เพิ่มการปลูก สู่หมื่นต้นกับ AIA+” พร้อมเดินหน้าสานต่อแคมเปญเป็นปีที่ 2 ชวนผู้ถือกรมธรรม์เปลี่ยนมาใช้งาน e-Document และ e-Receipt ผ่านแอป AIA+

0
16

AIA+ (เอไอเอ พลัส) แอปพลิเคชันที่รวมทุกบริการจาก เอไอเอ เพื่อความสะดวกในการจัดการกรมธรรม์แบบครบวงจรตามสโลแกน “แอปเดียวจบ ครบทุกบริการ” ตอกย้ำความสำเร็จของแคมเปญ AIA+ Go Green ที่ชวนผู้ถือกรมธรรม์ เอไอเอ ร่วมลดการใช้กระดาษผ่านบริการ e-Document และ e-Receipt บนแอปพลิเคชัน AIA+ ในทุก ๆ 10 กรมธรรม์ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง เอไอเอ จะช่วยปลูกต้นไม้ 1 ต้น ตามสโลแกน “ลดการพรินต์ เพิ่มการปลูก สู่หมื่นต้นกับ AIA+” โดยตั้งแต่เดือนสิงหาคมจนถึงเดือนธันวาคม 2567 แคมเปญสามารถบรรลุเป้าหมายลดการใช้กระดาษ 400,000 แผ่น พร้อมประกาศต่อยอดสู่การเพาะกล้าไม้ป่าชายเลน 10,000 ต้นในปี 2568 ตามเป้า หมายที่ตั้งไว้

ล่าสุด AIA+ ได้จับมือกับศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) นำโดย คุณอเล็กซ์ เรนเดลล์ ผู้ก่อตั้งศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา เพื่อสานต่อภารกิจ ESG ด้วยกิจกรรมเพาะกล้าไม้ป่าชายเลน กิจกรรมในครั้งนี้ มีผู้บริหารและพนักงานจิตอาสาจาก เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมเพาะกล้าไม้ป่าชายเลน ตลอดจนเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้และรักษาธรรมชาติ ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จังหวัดชลบุรี

กิจกรรมเพาะกล้าไม้ป่าชายเลนร่วมกับศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษาในครั้งนี้ มุ่งสร้างความตระหนักรู้ถึงบทบาทของทุกคนในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และความสำคัญของป่าชายเลนในการดูดซับก๊าซคาร์บอน ซึ่งประกอบด้วย 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1) การเรียนรู้แนวคิดการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนในมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG), 2) การสำรวจเส้นทางธรรมชาติระยะทาง 1.2 กิโลเมตร 3) เพื่อศึกษาความสำคัญของป่าชายเลนและ Blue Carbon (คาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกกักเก็บไว้ในระบบนิเวศชายฝั่งทะเล)

เอไอเอ ประเทศไทย จับมือ อเล็กซ์ เรนเดลล์ นำทีมเพาะกล้าไม้ นำกลับคืนสู่ป่าชายเลน
ตอกย้ำความสำเร็จแคมเปญ “ลดการพรินต์ เพิ่มการปลูก สู่หมื่นต้นกับ AIA+” พร้อมเดินหน้าสานต่อแคมเปญเป็นปีที่ 2 ชวนผู้ถือกรมธรรม์เปลี่ยนมาใช้งาน e-Document และ e-Receipt ผ่านแอป AIA+ พร้อมร่วมเก็บขยะในป่าชายเลน 4) และรวมถึงกิจกรรมไฮไลต์อย่างการลงมือเพาะกล้าไม้ป่าชายเลน โดยทางศูนย์ศึกษาธรรมชาติฯ จะดูแลต้นกล้าเป็นเวลา 3-6 เดือน ก่อนนำไปปลูกในพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าต้นไม้จะเติบโตแข็งแรงและสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ระบบนิเวศอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ คุณอเล็กซ์ ยังได้สาธิตวิธีปลูกต้นไม้ในพื้นที่จำกัดสไตล์คนเมือง พร้อมชวนผู้ร่วมกิจกรรมปลูกผักสวนครัวไว้รับประทานเอง อาทิ ผักกาด ต้นอ่อนทานตะวัน บรอกโคลี หัวไชเท้า และโต้วเหมี่ยว เพื่อเป็นการตอกย้ำว่าการปลูกป่าในเมืองนั้นเป็นเรื่องใกล้ตัวและทำได้ไม่ยาก

ดร. คริสเตียน โรแลนด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัล เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่าความสำเร็จของแคมเปญ AIA+ Go Green ที่สามารถเชิญชวนให้ลูกค้าเปลี่ยนมาใช้บริการ e-Document และ e-Receipt กว่า 105,000 กรมธรรม์ในปี 2567 ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าลูกค้า เอไอเอ เล็งเห็นถึงความสำคัญต่อการลดการใช้กระดาษและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง กิจกรรมในวันนี้ ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ เอไอเอ ในการขับเคลื่อนนโยบาย ESG และสร้างการมีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม


“ในปี 2568 นี้ เรายังคงเดินหน้าสานต่อยอดความสำเร็จของแคมเปญ AIA+ Go Green ในทุกมิติ ด้วยการรณรงค์ลดการใช้กระดาษพร้อมทั้งส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในประเทศไทย นอกจากนี้ เอไอเอ ประเทศไทย จะยังคงสร้างสรรค์โครงการและกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างคุณค่าให้กับโลกของเราและสังคมในระยะยาว สอดคล้องกับพันธกิจ AIA One Billion ที่มุ่งส่งเสริมให้ผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีสุขภาพที่ดีขึ้น ใช้ชีวิตที่ยาวขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นภายในปี 2573″

คุณอเล็กซ์ เรนเดลล์ ผู้ก่อตั้งศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา กล่าวว่า “ป่าชายเลนเป็นระบบนิเวศที่มีความสำคัญต่อการดูดซับคาร์บอนและรักษาสมดุลของธรรมชาติ ผมรู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับ เอไอเอ ประเทศไทย ในการสร้างความตระหนักรู้และได้พาผู้บริหารและพนักงานมาลงพื้นที่ทำกิจกรรมฟื้นฟูป่าชายเลน การที่องค์กรหันมาให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและเชิญชวนให้ลูกค้ามามีส่วนร่วมในการลดการใช้ทรัพยากรได้ง่าย ๆ เช่นนี้ ถือเป็นการช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน”

AIA+ Go Green มุ่งมั่นที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงและสร้างความยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายในการสร้างความตระหนักรู้และเชิญชวนลูกค้าให้หันมาทำธุรกรรมแบบไร้กระดาษ ผ่านบริการ e-Document และ e-Receipt พร้อมคาดหวังถึงผลกระทบเชิงบวกทั้งการอนุรักษ์ ส่งเสริมการเพาะกล้าไม้ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว และส่งเสริมการจัดการเอกสารอย่างยั่งยืนผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งแอปพลิเคชัน AIA+ ได้รับการออกแบบเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดการกรมธรรม์แบบครบวงจรภายใต้สโลแกน “แอปเดียวจบ ครบทุกบริการ” พร้อมประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ทำให้สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่กับ เอไอเอ เพียงเปลี่ยนสู่ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีความสะดวกและปลอดภัย ด้วยการดาวน์โหลดแอป AIA+ พร้อมสมัครรับบริการ e-Document และ e-Receipt เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยรักษ์โลกไปกับ เอไอเอ ประเทศไทย

ลูกค้า เอไอเอ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน AIA+ และลงทะเบียนรับ e-Document และ e-Receipt ได้แล้ววันนี้ผ่านสมาร์ตดีไวซ์บนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android

เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทเอไอเอ
กลุ่มบริษัทเอไอเอ และบริษัทในเครือ (รวมเรียกว่า “เอไอเอ” หรือ “กลุ่มบริษัทเอไอเอ”) เป็นกลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เอเชียแปซิฟิก ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีการบริหารจัดการอย่างอิสระ มีบริษัทในเครือและสำนักงานสาขาใน 18 ประเทศทั่ว เอเชียแปซิฟิก ทั้งในประเทศจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง(1) ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย กัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมาร์ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน (จีน) เวียดนาม บรูไน และเขตปกครองพิเศษมาเก๊า(2) และเป็นผู้ถือหุ้นร่วมทุนร้อยละ 49 ในประเทศ อินเดีย นอกจากนี้ เอไอเอ ได้เข้าไปถือหุ้นในบริษัทไชน่า โพสต์ ไลฟ์ ประกันชีวิต ในอัตราส่วนร้อยละ 24.99
เอไอเอเริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกในเมืองเซี่ยงไฮ้เมื่อศตวรรษที่ผ่านมา ในปี 2462 โดยเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น) ในด้านเบี้ยประกันภัยรับจากธุรกิจประกันชีวิต และเป็นผู้นำตลาดโดยส่วนใหญ่ในภูมิภาค โดยมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 276 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566
กลุ่มบริษัทเอไอเอนำเสนอผลิตภัณฑ์ในการออมเงินระยะยาวและความคุ้มครองชีวิตแก่ลูกค้าบุคคลผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ทั้งการประกันชีวิต การประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินในวัยเกษียณ นอกจากนี้กลุ่มบริษัทเอไอเอยังให้บริการ ลูกค้าองค์กรผ่านผลิตภัณฑ์สวัสดิการพนักงาน ประกันสินเชื่อ และให้บริการเป็นผู้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพผ่านเครือข่ายตัวแทนพันธมิตร และพนักงานทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเอไอเอมีลูกค้าที่ถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตรายบุคคลที่มีผลบังคับมากกว่า 41 ล้านกรมธรรม์ และเป็นสมาชิกกรมธรรม์ประกันกลุ่มมากกว่า 17 ล้านคน
กลุ่มบริษัทเอไอเอจดทะเบียนในกระดานหุ้นหลักของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ภายใต้รหัสหลักทรัพย์ “1299” สำหรับ American Depositary Receipts (ระดับ 1) มีการซื้อขายหลักทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์ (Over-the-Counter) ภายใต้สัญลักษณ์ AAGIY
หมายเหตุ:
(1) เขตปกครองพิเศษฮ่องกง (Hong Kong SAR)
(2) เขตปกครองพิเศษมาเก๊า (Macau SAR)