กระทรวงการคลัง ธปท.และกรุงไทย นำทัพสถาบันการเงินของรัฐ ธนาคารพาณิชย์และหน่วยงานพันธมิตรรวม 15 องค์กร จัดใหญ่ “มหกรรมแก้หนี้สัญจร : มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 3 ที่จ.เชียงใหม่ จัดเต็มมาตรการแก้หนี้ ภายใต้ 3 แนวทาง คือ แก้ไขปัญหาหนี้เดิม สร้างรายได้เพิ่มจากอาชีพเสริม และเสริมภูมิคุ้มกันทางการเงิน ช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน
นายอาคม เติมพิทยไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมแก้หนี้สัญจร : มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 3 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 16-18 ธันวาคม 2565 ว่า กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ได้ตระหนักถึงความส่าคัญของปัญหาหนี้ครัวเรือน และต้องการเปิดโอกาสให้ประชาชน และผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาหนี้สินจากภาครัฐ ได้อย่างเป็นรูปธรรมตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้กำหนดให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ครัวเรือน จึงได้ร่วมมือกันจัด“มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ : มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่ำงยั่งยืน” ขึ้น เพื่อให้การช่วยเหลือลูกหนี้เป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง ตรงจุด และทันการณ์
การจัดงานครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งมีการเพิ่มเติมหน่วยงานพันธมิตร ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และผู้ประกอบการจากข้อเสนอแนะในการจัดงานครั้งที่ผ่านมา โดยมีธนาคารพาณิชย์ร่วมออกบูธเพิ่มอีก 4 แห่ง คือ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยธนชาต และธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย เพื่อให้การแก้ไขหนี้สินทำได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยภายในงานนำเสนอแนวทางการแก้ไขหนี้สินอย่างยั่งยืน 3 แนวทางคือ 1.การแก้ไขปัญหาหนี้สินเดิมที่มีอยู่ เพื่อช่วยผ่อนปรนภาระหนี้ของประชาชน และผู้ประกอบการให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง 2.การสร้างรายได้ผ่านการสร้างอาชีพหรืออาชีพเสริม เพื่อช่วยให้ประชาชนและผู้ประกอบการมีรายได้เพียงพอต่อการชำระหนี้
ซึ่งสามารถลดปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนในระยะยาว และ 3. การสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชนด้วยการส่งเสริมความรู้ทางการเงิน ให้สามารถจัดการการเงินได้อย่างถูกต้อง ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่อย่างมาก จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ทำให้ประชาชนขาดรายได้และเกิดปัญหาหนี้สินพอกพูน การให้คำปรึกษาเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาหนี้สิน ภายในงานครั้งนี้ ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ประชาชน ร้านค้าต่างๆ รวมถึงภาคธุรกิจในเชียงใหม่ มีทางออกและเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือจากสถาบันการเงินได้อย่างครบวงจร เพื่อให้สามารถประคองตัวไปพร้อมๆกับหาโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มในภาวะที่เศรษฐกิจทยอยฟื้นตัวได้
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า มหกรรมแก้หนี้สัญจรครั้งนี้ ธนาคารกรุงไทยในฐานะเจ้าภาพการจัดงาน ร่วมกับพันธมิตรรวม 15 องค์กร นำเสนอมาตรการแก้ไขหนี้สินแบบองค์รวม ครอบคลุมหนี้ทุกประเภท ทั้งหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล หนี้เช่าซื้อรถยนต์ และหนี้ SMEs ผ่านโปรแกรมความช่วยเหลือตั้งแต่ก่อนจะผ่อนชำระไม่ไหว กลุ่มที่เป็นหนี้เสีย และกลุ่มที่ถูกฟ้องคดี เพื่อลดภาระทางการเงินด้วยการผ่อนปรนและปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ พร้อมสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินที่แข็งแกร่ง ผ่านการให้ความรู้ทางการเงิน และสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง และเท่าเทียม อีกทั้งยังส่งเสริมการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นในทุกมิติ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน
“คาดหวังว่าการจัดงานครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ ได้รับความสนใจจากประชาชนและผู้ประกอบการจำนวนมาก เพราะภายในงานนอกจากสถาบันการเงินของรัฐแล้ว ยังมีหน่วยงานพันธมิตรและธนาคารพาณิชย์เข้าร่วมรวม 15 องค์กร ทำให้การแก้ไขปัญหาหนี้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกหนี้มีโอกาสพบปะขอคำปรึกษาจากธนาคารแต่ละแห่งได้โดยตรง เพราะแต่ละธนาคารมีมาตรการออกมาเพื่อช่วยเหลือลูกค้าของตนเองให้ได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ มุ่งประสงค์แก้ปัญหาทำให้ประชาชนรวมถึงภาคธุรกิจให้สามารถแก้ปัญหาหนี้ มีกำลังในการประกอบอาชีพ ประกอบธุรกิจ สร้างรายได้และมีศักยภาพในการชำระหนี้ได้ต่อไป และจะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองที่ช่วยเหลือลูกหนี้ให้ทยอยปรับตัวและหลุดพ้นจากกับดักหนี้ ลดภาระหนี้ครัวเรือนให้กับประเทศ สร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “กรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน
ภายหลังพิธีเปิดงาน นายอาคม เติมพิทยไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิ์ถาสร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมคณะ ได้เดินเยี่ยมชมบูธของสถาบันการเงินและพันธมิตร โดยร่วมรับฟังปัญหาของผู้เข้าร่วมงานบางรายด้วย ซึ่งมีประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมงานจำนวนมาก
สำหรับผลการจัดงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจร 2 ครั้งที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ ได้รับความสนใจจากประชาชนและผู้ประกอบการจำนวนมาก โดยการจัดงานครั้งที่1 ที่กรุงเทพฯ มีผู้ขอรับบริการภายในงานกว่า 15,000 รายการ และมหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจรครั้งที่ 2 ที่ขอนแก่น มีผู้ขอรับบริการภายในงานกว่า 6,000 รายการ นอกจากนี้ ยังผู้ให้ความสนใจร่วมลงทะเบียนปรึกษาปัญหาแก้หนี้ตลอดทั้งโครงการกว่า 200,000 รายการ โดยคาดหวังว่าการจัดงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจร ครั้งที่ 3 ที่เชียงใหม่ครั้งนี้ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและแก้ปัญหาให้กับประชาชนและภาคธุรกิจได้จำนวนมากเช่นกัน