นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศักยภาพและวิสัยทัศน์ มาพร้อมกับพันธกิจที่จะสร้างภูมิทัศน์ใหม่ให้กับการลงทุนในประเทศไทย ผ่านการเปิดตัว ALLY Global Management “ALLY GLOBAL” โดยคุณกฤษฎิ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ Managing Partner ของ ALLY GLOBAL ได้เปิดโลกทัศน์ให้ชาวไทยได้รู้จักกับแพลตฟอร์มการลงทุนใหม่ล่าสุด ที่จะเชื่อมตลาดทุนระหว่างภูมิภาคเซาท์อีสเอเซียเข้ากับตลาดการลงทุนในระดับโลก
คุณกฤษฎิ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ Managing Partner ของ ALLY GLOBAL กล่าวว่า “ปัจจุบัน นักลงทุนไทยค่อนข้างมีข้อจำกัดในการลงทุนอยู่พอสมควร ไม่ว่าจากประเภทสินทรัพย์ หรือ จากการเข้าถึงสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เมื่อเปรียบเทียบกับนักลงทุนในระดับโลก จึงทำให้การลงทุนมีข้อจำกัด ถึงแม้จะมีรูปแบบการลงทุนในกองทุนต่างประเทศ แต่ก็ต้องผ่านตัวกลางมากมาย ซึ่งจะมีการคิดค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และในส่วนของผลตอบแทนเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นค่อนข้างจะทำให้เกิดความเสียเปรียบนักลงทุนในต่างประเทศ ทางเรามองเห็นโอกาสนี้ที่จะสามารถช่วยให้นักลงทุนไทยเข้าถึงการลงทุนโดยตรง โดยที่ไม่ต้องผ่านตัวกลางมากมาย ซึ่งจะเป็นการบั่นทอนผลประโยชน์ลงไปอีก การลงทุน Alternative Investment หรือ Private Equity เป็นสัดส่วนสำคัญของกองทุนระดับโลก โดยมีการจัดสรรการลงทุนไม่ต่ำกว่า 25-40% โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีความผันผวนสูงเช่นในปัจจุบัน”
ดังนั้น ALLY GLOBAL เป็นบริษัทการลงทุน (Alternative Investment–Private Equity Investment) ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารการลงทุนมูลค่ากว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีเป้าหมายที่ขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสู่ 5,000 ล้านเหรียญในระยะเวลา 5 ปี โดยปัจจุบันมีสำนักงานอยู่ที่นิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส กรุงเทพฯ และ สิงคโปร์ ALLY GLOBAL เน้นการลงทุนใน 4 ธุรกิจหลักทั่วโลก โดยเน้นองค์ประกอบของธุกิจที่มีความมั่นคงและอนาคตเติบโตสดใส และเน้นการลงทุนที่มีผลตอบแทนสูง มีทรัพย์สิน หรือ กระแสเงินสดรองรับ อันได้แก่
- อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate)
- สื่อและความบันเทิง (Media and Entertainment)
- อุตสาหกรรมด้านบริการ และ โรงแรม (Hospitality)
- การลงทุนในธุรกิจที่มีการเติบโต ยั่งยืน และพลังงานสะอาด (Growth, Sustainability and Green Energy)
ALLY GLOBAL ยังถือได้ว่าเป็น Platform การลงทุนที่แรกที่เปิดโอกาสให้กับนักลงทุนในการลงทุนร่วมกับเจ้าของบริษัทบริหารสินทรัพย์ระดับยักษ์ใหญ่ของโลก เช่น Carlyle Group, Avenue Capital ซึ่งแตกต่างกับ Platform อื่นที่ให้ผู้บริหารกองทุนต่างชาติเป็นผู้บริหารเงินลงทุนให้อีกต่อทอดหนึ่ง จึงทำให้นักลงทุนมีโอกาสเลือกการลงทุนที่ดีที่สุด โดยการที่เราทำได้เช่นนี้ เนื่องจากว่าเรามี Network ที่แข็งแกร่งกับ Family office ต่างๆ และอีกส่วนที่สำคัญคือการเป็นพันธมิตรกับผู้บริหารโครงการที่เป็นผู้นำที่แข็งแกร่งในตลาดที่หลากหลายทั่วโลก
ALLY GLOBAL วางกลยุทธ์การลงทุนแบบ Leadership Strategy หรือกลยุทธ์แบบผู้นำที่เหนือกว่า มีหลักการที่น่าสนใจสองเรื่อง เรื่องแรกคือการลงทุนร่วมกับผู้ก่อตั้งกองทุนชื่อดังขนาดใหญ่ เช่น Family office ของเดวิด รูบินสไตน์ เจ้าของคาร์ไล กรุ๊ป (Carlyle Group) หนึ่งในกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกา ซึ่งเราจะเห็นมาโดยตลอดว่า เขาสามารถเข้าถึงโอกาสที่ดีกว่าผู้อื่นอยู่เสมอ สำหรับการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนในระดับที่สูง ในส่วนที่สอง ALLY GLOBAL ทำงานร่วมกับพันธมิตรกองทุนระดับโลกและบริษัทชั้นนำที่มีชื่อเสียงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Blackstone, Rockpoint Group, และ Avenue Capital ที่ประสบความสำเร็จในการในการดำเนินการลงทุนอย่างมากในธุรกิจประเภทต่างๆ ALLY GLOBAL ยังได้ทำงานร่วมกับทุก Partner อย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะเข้าใจถึงเทรนด์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และเพื่อโอกาสการเข้าลงทุนในสินทรัพย์นั้นโดยตรง เพื่อให้เกิดผลตอบแทนสูงสุดกับนักลงทุน
“พาร์ทเนอร์หลายคนของเราที่เคยเป็นหัวหน้าทีมด้านการลงทุนอสังหาฯ ในธนาคารขนาดใหญ่ทั่วโลก อาทิ ที่โกลแมน แซคส์ เมอริล ลินช์ เป็นต้น ทำให้เรารู้จักและคัดเลือก Operator ที่ดีที่สุดในตลาดหลักๆ ให้เราได้ดูและเลือกของดีก่อนคนอื่น ซึ่งเห็นได้จากผลตอบแทนในการลงทุนของเราที่มีตั้งแต่ 18 ถึง 40% ต่อปี (โดยประมาณ) ในทุกการลงทุน
ที่มาของแนวคิดเริ่มมาจากการที่ดูการลงทุนของครอบครัวใน Private Investment globally แล้วเห็นว่า ผู้บริหารกองทุนต่างประเทศ ไม่ได้มีโอกาสที่ดีที่สุดในตลาด คนที่มีโอกาสที่ดีที่สุดอยู่ที่ Local Operator ในแต่ละเมือง ซึ่งเรามีคอนเนคชั่น และเคยร่วมลงทุนด้วยกันมานาน” คุณกฤษฏิ์ กล่าว
ความโดดเด่นของ ALLY GLOBAL ที่ต่างกับการลงทุนแบบแพลตฟอร์มทั่วไปคือ
- ALLY GLOBAL ลงทุนในสินทรัพย์โดยตรง และผลตอบแทนสูงกว่า โดย Platform การลงทุนทั่วไปจะลงทุนแบบต่อลงมาหลายขั้น ซึ่งทำให้การลงทุนทั่วไปอาจไม่ได้มีโอกาสเป็นสินทรัพย์ที่ดีได้ ทำให้การลงทุนทั่วไปได้รับผลตอบแทนต่ำกว่ามาก
- ALLY GLOBAL มีโอกาสที่จะเข้าถึงสินทรัพย์ที่ดีมากก่อนบริษัทอื่นๆ เพราะ ALLY GLOBAL มี Local Operator เป็นพันธมิตรหลัก ซึ่งมาจากการสร้าง Connection ชื่อเสียง และความชัดเจนที่ ALLY GLOBAL มีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
- ALLY GLOBAL เลือกเฉพาะสินทรัพย์ที่ดีและมีศักยภาพสูงเช่น ทำเลที่ดีที่สุด หรือ ธุรกิจที่มีความชัดเจนเรื่องการเติบโตและผลตอบแทน โดยมีจุดยืนเรื่องราคาที่จะลงทุน และมีความเข้าใจผู้ขาย ทำให้เกิดความเป็น Partnership ที่เหนียวแน่
ALLY GLOBAL มีการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมที่มีศักยภาพสูง อาทิ
- โครงการซีเปรียนี่ (Cipriani) เป็น Mixed-Use มูลค่ากว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ บนทำเลใจกลางเมืองที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดของไมอามี่ ฟลอริดา นับเป็นที่ดินแปลงงามสุดท้ายใน Brickell ที่หรูและดีที่สุด เพิ่งมีการเปิดตัวรูปแบบเป็นคอนโดขายและให้เช่า
- โครงการอาคารธุรกิจพาณิชย์ 18 อาคารบนถนนเวสเทิร์น อเวนิว สายหลักใน Hollywood ตั้งอยู่ใกล้พาราเมาท์ สตูดิโอและ เน็ทฟลิกซ์ ทำเลดีมีศักยภาพ โดยลงทุนร่วมกับแฟมิลี่ของมาร์ค ลาสลี่ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ เดอะ อเวนิว กรุ๊ป ที่รู้จักในนามเจ้าของทีมบาสเก็ตบอลอันดับหนึ่ง มิลวอล์คกี้บัคส์ ที่โด่งดังในอเมริกา โดยแนวคิดการลงทุนนี้ เป็นการซื้อตึกพร้อมที่ดินและลงทุนในการปรับปรุง เพื่อสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากค่าเช่าได้กว่า 5 เท่าจากราคาที่ลงทุน ขณะนี้ได้มีการเซ็นสัญญาเช่ากับแบรนด์ดังๆ อาทิ เดวิด เซอร์เวอเนอร์ อาร์ตแกลเลอรี่ดังระดับโลก และแฟชั่นไลน์ใหม่จากผู้ก่อตั้ง Theory และ Celebrity agent Scooter Braun
- โครงการโรงแรมเครสเซนต์ (Crescent) นับเป็นหนึ่งในทำเลดีที่สุด ตั้งอยู่ใจกลางเบเวอรี่ฮิลล์ แคลิฟอร์เนีย ใกล้โรดิโอไดรฟ์ แนวคิดการลงทุนนี้ เป็นการลงทุนที่มีการได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน โดยได้ให้แบรนด์โรงแรมซอนเดอร์ (Sonder) ที่มีชื่อเสียงเป็นผู้บริหาร และด้วยทำเลที่สวยงามทำให้มีผู้เสนอซื้อในราคาที่สูงกว่าราคาที่เราเข้าซื้อ 30% เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากเข้าลงทุน อย่างไรก็ดีทางเรามองว่า มูลค่าในอนาคตจะยังคงเพิ่มต่อเนื่องโดยเฉพาะเมื่อโรงแรมได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอีก
- ออฟฟิศ 1375 บนถนนบรอดเวย์ นิวยอร์ค เป็นตึก 20 ชั้น ตั้งอยู่ใกล้ไทม์สแควร์ เพนสเตชั่น และไบรอัน พาร์ค ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด ปัจจุบันมีอัตราการให้เช่าอยู่กว่า 95% เป็นการลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ให้ผลตอบแทนที่ 17% ตึกนี้ได้ลงทุนร่วมกับแฟมิลี่ออฟฟิศของเดวิด รูบินสไตน์ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของคาร์ไลน์ กรุ๊ป กองทุนชื่อดังที่มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่าแปดล้านล้านบาท
ด้านโรงแรม (Hospitality) ธุรกิจโรงแรมที่น่าสนใจในการเข้าลงทุนมี 2 ประเภท 1. โรงแรมที่มีทำเลที่ดีมาก สามารถเข้าลงทุนซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด หากมีการลงทุนปรับปรุง โดยนำ Best in class operator ที่มี F&B component ที่ดังทั่วโลก สามารถทำให้ Room rate ขึ้นได้มาก 2. โรงแรมที่สามารถนำแนวคิดใหม่หรือเทรนด์ work from anywhere โดยตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถขับรถได้ไม่ไกล และมีฤดูการพักได้ยาวตลอดทั้งปี นอกจากนี้ ยังได้มีการลงทุนโรงแรมที่ซิกเซ็นส์ อิบิซ่า สเปน ซึ่งแม้จะอยู่ในช่วงโควิด และเพิ่งเปิดให้บริการมาได้ไม่นาน ปรากฏว่าประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว โดยราคาค่าห้องจริงมีราคาสูงกว่าราคาค่าห้องที่คาดไว้กว่าสองเท่า กล่าวคือราคาค่าห้องที่คาดไว้ 700 ยูโรต่อคืน สามารถขายได้ที่ 1,430 ยูโรต่อคืน เป็นต้น
โดยรวมด้านอสังหาริมทรัพย์ ALLY GLOBAL ได้มีการลงทุนไปแล้วกว่า 40 โครงการทั้งในอเมริกา เอเชีย และยุโรป ในประเทศไทย ALLY REIT ได้มีการลงทุนไปแล้วกว่า 13,000 ล้านบาท หรือ 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปัจจุบัน ALLY REITจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้านสื่อและบันเทิง (Media & Entertainment) ปัจจุบันกระแสการสร้างซอฟท์พาวเวอร์ (Soft-power) มาแรงในหลายประเทศที่มองการใช้ธุรกิจบันเทิงมุ่งสู่ตลาดโลก ALLY GLOBAL วางแผนสร้าง Ecosystem ที่สมบูรณ์แบบและครบวงจร (Fully-integrated ecosystem) โดยนำผลงานบันเทิงที่มีความโดดเด่นในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ของประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปสู่สายตาเวทีผู้ชมระดับโลก โดย ALLY GLOBAL ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการลงทุนทางการเงิน พัฒนา และจัดจำหน่ายให้กับพันธมิตรบริษัทในวงการภาพยนตร์ทั้งในอเมริกาและระดับโลก จากภาพรวม อัตราการเติบโตของมูลค่างานด้านสื่อและบันเทิงของภูมิภาคเอเซียสูงกว่าของทวีปยุโรป ผนวกกับ ALLY GLOBAL มีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับ Production company, Talent agency เจ้าใหญ่ใน Hollywood นอกจากนี้ ALLY GLOBAL ได้มีการลงทุนในบริษัทเอนเตอร์เทนเมนท์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ในเดือนพฤศจิกายนปี 2020 ผ่านมา และได้ขายบริษัทดังกล่าวนี้ให้กับ Global Entertainment Aggregator โดยสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึงกว่าหกเท่าในเวลาเพียงไม่ถึง 2 ปีที่ลงทุน
ด้านการลงทุนในธุรกิจที่มีการเติบโต ยั่งยืน และพลังงานสะอาด (Growth, Sustainability and Green Energy) ALLY GLOBAL มีการลงทุนในบริษัทที่กำลังเติบโตและกลุ่ม startups กว่า 50 บริษัท อาทิ Hungryroot (AI-Powered Grocery service บริษัทที่ให้บริการค้าปลีกที่มีการเติบโตโดยใช้ระบบ AI โดยปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 750 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่ามูลค่าการเข้าลงทุนในครั้งแรก Braven Environmental บริษัทที่ดำเนินธุรกิจในการแปลงพลาสติกเป็นพลังงาน (Plastic to energy technology company) นับเป็นบริษัทพลังงานทางเลือกที่มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นต้น
ALLY Global Management เล็งเห็นว่า แนวโน้มการลงทุนในภาคเอกชนของประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ อาทิ สหรัฐอเมริกา ประเทศในยุโรปและเอเซียหลายประเทศ ต่างมองว่าการลงทุนแบบไพรเวท อิควิตี้ (Private Equity) สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนทั่วๆไป โดยสิ่งที่ ALLY GLOBAL โดดเด่น คือความได้เปรียบในแนวคิดการลงทุนแบบโดยตรง มีสินทรัพย์ที่ดีอย่างแท้จริง มีความชัดเจนในเรื่องอัตราผลตอบแทน ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงที่ดี รวมไปถึงโอกาสในการคัดเลือกสินทรัพย์หรือบริษัทที่เข้าไปลงทุนแบบมีเอกสิทธิ์ ALLY GLOBAL จึงมีเป้าหมายที่ชัดเจน ในการสร้างมิติใหม่ เพื่อเชื่อมโยงนักลงทุน South East Asia ในการลงทุนร่วมกับผู้นำธุรกิจระดับโลก โดยการนำแนวคิดระดับสากลนี้มาดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมนั้น จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาลกับประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไปในอนาคต. www.ally-global.com