“เจ๊อ้วน” กะหรี่ปั๊บเจ้าดังโคราช  สู้ไม่ท้อ! ฮึดลุย “เตี๋ยวเรือเหาะ บ้านปิ่นนาค” ฝ่าวิกฤตโควิด 

0
2047

“เจ๊อ้วน” ผู้ผลิตสินค้าขนมของฝาก อาทิ กะหรี่ปั๊บ และพายสับปะรด เจ้าดังแห่งเมืองโคราช  ยืนหยัดและเติบโตอยู่ในวงการมากว่า 30 ปี แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างรุนแรง  จำเป็นต้องฮึดสู้ ปรับตัว สร้างอาชีพใหม่ เพื่อหาทางสร้างรายได้เสริม และเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจเดิม เพื่อจะก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้

เรืองเดช ปิ่นนาค ทายาทรุ่น 2 บริษัท สยามปิ่นนาค เคอรี่พั๊ฟ จำกัด ผู้ผลิตสินค้าของฝาก แบรนด์ “เจ๊อ้วน” จ.นครราชสีมา เล่าว่า  คุณแม่บุกเบิกธุรกิจขนมกะหรี่ปั๊บ  ตั้งแต่ประมาณปี 2530    เริ่มจากเล็ก ๆ ทำในครัวเรือน  ขยับขยายจนมีโรงงานผลิต แบรนด์ “เจ๊อ้วน”  ขายปลีกและส่งผ่านช่องทางและตัวแทนทั่วประเทศ  ไม่ว่าจะเป็น ร้านสะดวกซื้อ  ร้านขายของฝาก และสถานีบริการน้ำมันต่าง ๆ เป็นต้น  กลุ่มลูกค้าหลักคือ   นักท่องเที่ยว และคนเดินทาง 

ที่ผ่านมา ด้วยจุดเด่นขนมกะหรี่ปั๊บ พายสับปะรด ที่มีแป้งกรอบ เนื้อในนุ่ม  กลิ่นหอม  ทำสดใหม่วันต่อวัน ใครลิ้มรสต่างติดใจ ประกอบกับกระแสท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะเส้นทางขึ้นเขาใหญ่ผ่าน จ.นครราชสีมา ได้รับความนิยมต่อเนื่อง สนับสนุนให้ขนมเจ๊อ้วน ได้รับอานิสงส์ขายดิบขายดี เพราะเหมาะจะซื้อติดไม้ติดมือกลับไปรับประทานเอง หรือเป็นของฝาก  ส่งให้ธุรกิจเติบโตเรื่อยมา ปัจจุบันมีสินค้าหลากหลายกว่า 20 รายการ เช่น กะหรี่ปั๊บ พายสับปะรด โมจิ  หมูแผ่น  หมูทุบ แคปหมู คุกกี้  และน้ำองุ่น เป็นต้น 

ทว่า เมื่อเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจทั้งใหญ่และเล็กอย่างรุนแรง  โดยธุรกิจเจ๊อ้วน ซึ่งเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ  เฉพาะการแพร่ระบาดระลอกแรกเมื่อกลางปี 2563 ที่ผ่านมา  รายได้สำคัญจากการขายสินค้าให้นักท่องเที่ยว รวมถึงขายส่งให้ตัวแทนต่าง ๆ  ลดน้อยลงไปกว่า 50% 

“ผลกระทบที่เกิดขึ้น ทำให้เราต้องปรับตัว  คิดหารายได้อื่นมาทดแทน ส่วนตัวผมเป็นคนชอบกินก๋วยเตี๋ยวเรือ  เลยตัดสินใจ เปิดร้านก๋วยเตี๋ยว เพราะคิดว่า อย่างไรเสีย ธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร  ทุกคนยังจำเป็นต้องกิน และไม่ต้องพึ่งแค่นักท่องเที่ยวเท่านั้น  คนโคราชเองก็มากินได้   ช่วยให้มีเงินสดเข้ามาหมุนเวียนหล่อเลี้ยงประคับประคองธุรกิจให้ผ่านช่วงลำบากนี้ไปได้”  เรืองเดช อธิบายเสริม

“เตี๋ยวเรือเหาะ บ้านปิ่นนาค”  เปิดอยู่ติดริมถนนมิตรภาพ เส้นขาขึ้นเขาใหญ่  บริการก๋วยเตี๋ยวเรือสูตรอยุธยา น้ำซุปเข้มข้น  ราคาสบายกระเป๋า ชามละ 30-40 บาท  มีทั้งส่วนห้องแอร์ และธรรมชาติ รองรับลูกค้าได้ประมาณ 100 คน  พนักงานในร้าน ส่วนหนึ่งดึงมาจากโรงงานผลิตขนม  ช่วยกันทำหน้าที่​        ต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็นงานในครัว หรือเสิร์ฟ  นอกจากนั้น  ในร้านก๋วยเตี๋ยว ยังจัดมุมขายขนมของฝาก “เจ๊อ้วน” เพื่อให้ลูกค้าซื้อกลับไปเป็นของฝาก อีกทั้ง เริ่มทำตลาดออนไลน์มากยิ่งขึ้น กล่าวได้ว่า ทั้งนายจ้างกับลูกจ้าง ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเต็มที  พยายามหารายได้ทุกทาง เพราะทุกคนรับรู้ดีถึงความยากลำบากที่เกิดขึ้น     

เรืองเดช  เล่าต่อว่า  “เตี๋ยวเรือเหาะ บ้านปิ่นนาค”   เริ่มเปิดให้บริการช่วงต้นเดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา  ช่วงแรกได้การตอบรับจากลูกค้าอย่างน่าชื่นใจ ประกอบกับก่อนหน้านั้น สถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย  คลี่คลายไปในทิศทางที่ดี การท่องเที่ยวในประเทศ ทยอยกลับมาคึกคัก  ช่วยให้ยอดขายขนม “เจ๊อ้วน” เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย​ จึงมีความหวังว่า ธุรกิจจะกลับมาฟื้นในเร็ววัน

แต่แล้ว ความหวังกลับต้องพังทลายลงอีกครั้ง เมื่อเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่  ลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยว ลดน้อยลงอย่างชัดเจน  ส่วนการส่งขนมไปขายตามจุดต่าง ๆ  ก็ไม่สะดวก หรือถ้าส่งไปได้ ก็ขายไม่ดีนัก เพราะลูกค้าชะลอการจับจ่าย    

ท่ามกลางปัญหาดังกล่าว ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือทันที  โดยขนม “เจ๊อ้วน” เป็นลูกค้าเก่าแก่ ในช่วงธุรกิจเติบโตด้วยดี ธนาคารสนับสนุนเงินทุนเพื่อซื้อเครื่องจักรในการขยายไลน์แปรรูปสินค้าชนิดต่าง ๆ  และเมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกแรก ธนาคารช่วยเหลือพาเข้ามาตรการพักชำระหนี้  และเมื่อเกิดการระบาดระลอกใหม่  ธนาคารไม่ทอดทิ้ง ยังมาเยี่ยมเยือนให้กำลังใจ พร้อมแนะนำช่องทางตลาดขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มช้อปปิ้งต่าง ๆ  รวมถึงช่วยประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น

เรืองเดช ยอมรับว่า วิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้น  ทำให้เหนื่อยและท้อมาก แต่ก็ถอยไม่ได้  เพราะธุรกิจขนม “เจ๊อ้วน” เป็นสมบัติที่แม่ของเขาสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรง จนแบรนด์เป็นที่ยอมรับจากลูกค้า ช่วยหล่อเลี้ยงครอบครัว “ปิ่นนาค” มากว่า 30 ปี  จึงต้องการรักษาธุรกิจนี้ให้อยู่คู่ครอบครัวต่อไป  นอกจากนั้น ยังมีลูกน้องอีกหลายสิบชีวิตต้องดูแล  ถ้ายอมแพ้ ไม่เพียงตัวลูกน้องจะได้รับผล​    กระทบ ครอบครัวของลูกน้องก็จะลำบากตามไปด้วย  ดังนั้น  พยายามจะสู้ประคับประคองธุรกิจให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้เสียก่อน และเมื่อสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย  หวังว่า ธุรกิจจะกลับมายืนอย่างแข็งแรงได้อีกครั้ง    

 ติดต่อ 096 923 7778  หรือ FB:เตี๋ยวเรือเหาะบ้านปิ่นนาค