เคทีซีเปิดงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยครึ่งปีแรก กำไรสุทธิ 3,678 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 1,806 ล้านบาท พอร์ตสินเชื่อทุกผลิตภัณฑ์เติบโตตามเป้าหมาย โดยมูลค่าพอร์ตรวมอยู่ที่ 105,589 ล้านบาท เติบโต 11.1% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรขยายตัวที่อัตรา 16.3% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ มั่นใจสามารถทำกำไรทั้งปีได้ตามเป้าหมาย
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “อุตสาหกรรมสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคขยายตัวดีต่อเนื่อง จากความต้องการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับดีขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 เคทีซีมีสัดส่วนของลูกหนี้บัตรเครดิตเทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 14.9% ส่วนแบ่งตลาดของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเคทีซีอยู่ที่ 12.2% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2565 และมีสัดส่วนของลูกหนี้สินเชื่อบุคคล (ไม่รวมสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน) เทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 6.2%”
“ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เคทีซีมีผลการดำเนินงานน่าพอใจในหลายด้าน ทั้งการเติบโตของพอร์ตรวมที่เป็นไปตามเป้าหมาย ด้วยมูลค่า 105,589 ล้านบาท เติบโต 11.1% และยังคุมระดับ NPL ได้ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนที่ 2.0% สำหรับพอร์ตบัตรเครดิตยังคงขยายตัวได้ดีด้วยอุปสงค์ในประเทศ ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรดีดตัวสูงขึ้นมาก ขณะที่พอร์ตสินเชื่อบุคคลขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังเน้นการคัดกรองคุณภาพสินเชื่อบุคคลผ่านกระบวนการอนุมัติที่เข้มข้น โดยจะคัดเลือกสมาชิกที่มีความเสี่ยงเหมาะสมกับระดับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคลที่กำหนดไว้ สำหรับสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” มีกระแสตอบรับดีขึ้นทุกเดือน แม้จำนวนที่เข้ามาจะช้ากว่าที่ประมาณการ แต่ได้พอร์ตที่มีคุณภาพ ทำให้มั่นใจว่า “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” จะสามารถสร้างฐานรายได้ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต”
“สำหรับครึ่งหลังของปี 2566 “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” จะมีปริมาณการเพิ่มยอดลูกค้าใหม่ (New Booking) แบบทวีคูณ พิจารณาจากอัตราเร่งของการเพิ่มลูกหนี้ใหม่ในปัจจุบัน การเติบโตของพอร์ตบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับ NPL อยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวล เพราะบริษัทฯ ยังสามารถบริหารจัดการได้ ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถทำกำไรทั้งปีได้ตามเป้าหมายที่มากกว่า 7,079 ล้านบาท พอร์ตลูกหนี้สิ้นเชื่อรวมเติบโต 15% ปริมาณใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 10% พอร์ตลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเติบโต 7%”
“ผลการดำเนินงานของเคทีซีในช่วงครึ่งปีแรก สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 งบการเงินรวมมีกำไรสุทธิครึ่งปีแรกและไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 3,678 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1.0%) และ 1,806 ล้านบาท (ลดลง 4.6%) ตามลำดับ งบการเงินเฉพาะกิจการของเคทีซี มีกำไรสุทธิครึ่งปีแรก และไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 3,648 ล้านบาท และ 1,805 ล้านบาท ตามลำดับ ฐานสมาชิกรวม 3,358,994 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 105,589 ล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) 2.0% แบ่งเป็นพอร์ตสมาชิกบัตรเครดิต 2,605,984 บัตร เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม 68,664 ล้านบาท ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรครึ่งปีแรกเท่ากับ 127,644 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.3% NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ 1.2% พอร์ตสมาชิกสินเชื่อบุคคลเคทีซี 753,010 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” และดอกเบี้ยค้างรับ 31,727 ล้านบาท เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” เท่ากับ 1,658 ล้านบาท NPL สินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 3.0% ยอดสินเชื่อลูกหนี้ใหม่ (New Booking) ของ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ในรอบครึ่งแรกของปี 2566 เท่ากับ 1,132 ล้านบาท โดยยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่มีกระแสตอบรับที่ดีขึ้นในทุกเดือน”
“ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2566 มีการเติบโตในรายได้รวมที่ 8.8% เท่ากับ 6,240 ล้านบาท จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 18.7% เท่ากับ 3,988 ล้านบาท ส่วนหนึ่งจากการขยายตัวของพอร์ต ทำให้มี NPL เพิ่มขึ้นบ้าง ส่งให้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss – ECL) เพิ่มขึ้น รวมถึงการตัดหนี้สูญเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนของต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นเล็กน้อย ตามการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงิน ทั้งนี้ ข้อมูลวันที่ 30 มิถุนายน 2566 เคทีซีมีวงเงินกู้ยืมทั้งสิ้นเท่ากับ 35,371 ล้านบาท เป็นวงเงินกู้ยืมระยะสั้น 29,371 ล้านบาท (รวมวงเงินจากธนาคารกรุงไทย 19,061 ล้านบาท) และวงเงินกู้ยืมระยาวจากธนาคารกรุงไทย 6,000 ล้านบาท โดยมีวงเงินคงเหลือ (Available Credit Line) จำนวน 20,480 ล้านบาท ต้นทุนการเงิน 2.6% และอัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2.18 เท่า ต่ำกว่าภาระผูกพันซึ่งกำหนดไว้ที่ 10 เท่า”
“เคทีซียังได้ดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ตามแนวทางการบริหารจัดการด้านการให้สินเชื่ออย่างเป็นธรรม โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 บริษัทฯ ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ในทุกสถานะตามประกาศ ธปท. ฝคง.ว.951/2564 จำนวน 1,876 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.9% ของพอร์ตลูกหนี้รวม”
“สืบเนื่องจากวันนี้ (21 กรกฎาคม 2566) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เผยแพร่ “มาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน” เพื่อเป็นทางออกในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนในระยะยาว โดยอันดับแรกธปท. จะออกมาตรการกำหนดเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending: RL) สำหรับลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างเหมาะสม ทันเวลา มีคุณภาพและเพียงพอ ในส่วนของลูกหนี้ใหม่ต้องไม่โฆษณากระตุ้นให้เกิดการกู้ยืมอย่างเกินตัว ซึ่งธปท. จะบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2567”
“สำหรับหนี้ปกติที่เป็นหนี้เรื้อรัง (Persistent Debt: PD) จะสร้างทางเลือกให้ลูกหนี้สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้ปิดจบการเป็นหนี้ได้ ซึ่งธปท. มุ่งให้ความสำคัญกับลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล ที่เป็นสินเชื่อหมุนเวียนที่มีรายได้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน และมีเกณฑ์การบ่งชี้ว่าลูกหนี้ดังกล่าวมีการจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งธปท. จะให้มีผลบังคับใช้ในเดือนเมษายน 2567 นั้น เคทีซีจะให้ทางเลือกแก่ลูกหนี้ที่สนใจ สามารถเปลี่ยนสินเชื่อหมุนเวียนมาเป็นแบบมีระยะเวลา (Term Loan) และให้คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี โดยจะกำหนดให้การผ่อนชำระสามารถปิดจบภายใน 5 ปี ซึ่งลูกหนี้ต้องสมัครใจเข้าร่วมโครงการด้วยตนเองและปิดวงเงินเดิมที่มีอยู่ โดยเคทีซีได้ประเมินผลกระทบต่อมาตรการดังกล่าว หากลูกหนี้เคทีซีที่เข้าเกณฑ์ทุกรายเข้าร่วมโครงการฯ จะมีผลกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยลดลงประมาณ 18 ล้านบาทต่อเดือน”
KTC posts half-year net profit of 3,678 million baht in response to economic growth
with confident that profit for the year will reach the target.
KTC posts the first half-year net profit of the Company’s consolidated financial statement and its subsidiaries of 3,678 million baht and Q2/2023 net profit of 1,806 million baht. The portfolio of all products grew as targeted with total portfolio grew 11.1% to 105,589 million baht and total credit card spending grew 16.3%, while the Non-Performing Loan (NPL) is at manageable level. The Company is confident that profit for the year will reach the target.
Mr. Rathian Srimongkol, President & Chief Executive Officer, “KTC” or Krungthai Card Public Company Limited, stated, “The consumer finance industry is continuously expanding due to improving demand of consumption expenditure and consumer confidence in response to economic trends. In the first 5 months of 2023, KTC’s credit card receivables accounted for 14.9% compared to the industry. The market share of credit card spending volume equaled to 12.2%, increased from the same period in 2022, while personal loan receivables (excluding car title loan) accounted for 6.2% compared to the industry.”
“In the past half-year, KTC’s performance reached satisfactory level in various aspects both the total portfolio grew 11.1% to 105,589 million baht and stable NPL level that close to previous quarter at 2.0%. Credit card portfolio continued to expand well in response to domestic demand. Credit card spending volume spiked up significantly, while personal loan portfolio also expanded continuously. Nevertheless, the Company also focuses on screening personal loans quality through a rigorous approval process by selecting members with risk suitable for the specified interest rate level. “KTC P BERM CAR FOR CASH” loan illustrates better response every month, even though the numbers of new booking are slower than expected but with quality portfolio. We are confident that “KTC P BERM CAR FOR CASH” will generate a significantly growing income base in the future.”
“For the second-half of 2023, “KTC P BERM CAR FOR CASH” new booking is expected to increase exponentially, considering the current acceleration of new receivables. Credit card and personal loan portfolio will grow according to set target. NPL is at a worry-free level as the Company able to manage it well. As such, the Company is confident that its profit for the year will reach the target of more than 7,079 million baht, with the growth of total receivables portfolio at 15%, credit card spending volume at 10% and personal loan portfolio at 7%.”
“Regarding KTC’s first half year performance, as of June 30, 2023, compared to the same period in 2022, KTC had a total net profit according to consolidated financial statements in the first half-year and in Q2/2023 of 3,678 million baht (a 1.0% increase) and 1,806 million baht (a 4.6% decrease) respectively. Total net profit according to KTC’s separate financial statements in the first half-year and in Q2/2023 equaled to 3,648 million baht and 1,805 million baht respectively. The total membership base numbered 3,358,994 accounts while total loans to customers and accrued interest receivables equaled to 105,589 million baht. The total non-performing loan (NPL) ratio was 2.0%, comprising of 2,605,984 cards in the credit card business, and total loans to credit card customers and accrued interest receivables of 68,664 million baht. The amount of credit card spending in the first half-year was 127,644 million baht, a 16.3% increase. NPL for credit card was at 1.2%. There are 753,010 accounts in the KTC personal loan portfolio, with loans to “KTC PROUD” customers and accrued interest receivables of 31,727 million baht. NPL for personal loans portfolio was at 3.0%. The receivables of “KTC
P BERM CAR FOR CASH” equaled to 1,658 million baht, and its new booking in the first half of 2023 shows positive response at 1,132 million baht, with increasing new booking every month.”
“The group of companies’ performance in Q2/2023 showed a growth in total revenue of 8.8%, equaled to 6,240 million baht, mainly from increased interest income. Meanwhile, total expenses increased by 18.7%, equaled to 3,988 million baht, partly due to the portfolio expansion, resulting in an increase of NPL. Thus, expected credit losses (ECL) as well as bad debt write-offs increased. Cost of fund also slightly increased in response to higher interest rates in the financial market. As of June 30, 2023, KTC’s total credit line equaled to 35,371 million baht, comprising of short-term credit line amounted to 29,371 million baht (including KTB credit line of 19,061 million baht) and long-term credit line from KTB amounted to 6,000 million baht. The available credit line was at 20,480 million baht. Cost of fund were at 2.6% and debt to equity ratio was at 2.18 times, which was lower than the debt covenants at 10 times.”
“Furthermore, KTC has implemented various projects to assist debtors in accordance with guidelines for fair lending. As of June 30, 2023, the Company has provided assistance to debtors of all statuses according to the Notification of the Bank of Thailand (BOT.FCD.C 951/2564) amounted to 1,876 million baht, accounting for 1.9% of the total loan portfolio.”
“As today (July 21, 2023), the Bank of Thailand (BOT) has disseminated the “Sustainable Household Debt Solution Framework” to solve household debt problems in the long run. Firstly, the BOT will issue responsible lending guidelines for debtors in debt distress to receive appropriate, timely, quality and adequate assistance. And for new debtors, loan advertisements must not encourage excessive borrowing, which the BOT will implement this scheme in January 2024.”
“Regarding the persistent debt (PD), options will be provided so borrowers can restructure and pay off their debts. The BOT places importance on revolving personal loan borrowers whose income does not exceed 20,000 baht per month and have accumulated interest payments more than the principal for 5 years, which will be effective in April 2024. KTC will provide options to interested debtors where they can switch from revolving loan schemes to term loans with interest rate not exceed 15% per year, which will enable debtors to exit from the debt cycle within 5 years. Debtors must voluntarily participate in the program by themselves and pay off existing debts. KTC has assessed the impact on such measures, if all eligible KTC debtors participate in the program; KTC’s interest income will decrease approximately 18 million baht per month.”