เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2564 : นาย อภิวิชญญ์ ทิพย์รัตน์ ในฐานะว่าที่หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชน และนาย ชาญชีพ หิรัญภัทรเวช ว่าที่เลขาธิการฯ ได้มีการขอยื่นหนังสือคำขอแจ้งการ เตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองกับทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเข้ามาเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนในนาม “พรรครวมพลังประชาชน” ภายใต้สโลแกน พลังคนรุ่นใหม่ เพื่อประชาชน จากประชาชน เพื่อคนไทยทั้งประเทศ
นาย อภิวิชญญ์ ทิพย์รัตน์ ว่าที่หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชน เปิดเผยว่า การเข้ามาทำงานการเมืองในครั้งนี้พวกเรามาจากประชาชนธรรมดาเข้ามาด้วยจิตอาสา โดยไม่มีนายทุนที่คอยสนับสนุนในการขับเคลื่อนการทำงานของพรรค พวกเราเข้ามาเพื่อปกป้องสิทธิอันพึงมีของพี่น้องประชาชนและเพื่อสะท้อนปัญหาของพี่น้องประชาชนจริงๆ
โดยมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนองค์กรของพรรคเพื่อทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในเรื่องข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ถูกต้องตรงไปตรงมา ซึ่งปัจจุบันนี้พี่น้องประชาชนไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา ทางพรรคจึงต้องการที่จะให้พี่น้องประชาชนตระหนักถึงสิทธิอันพึงมีตามรัฐธรรมนูญ โดยที่ผ่านมาในการเลือกตั้งแต่ละครั้งก็จะมีแต่กลุ่มนายทุนเท่านั้นที่เข้ามามีบทบาท และสุดท้ายพี่น้องประชาชนก็ไม่ได้รับการเหลียวแลถูกทอดทิ้งมาโดยตลอด
ซึ่งปัญหาเหล่านี้พรรคได้เล็งเห็นตลอดว่า ในส่วนภาคประชาชนขณะนี้มีความอ่อนแอมากๆ จึงพยามยามผลักดันให้ภาคประชาชนได้มีพลังเพื่อปกป้องสิทธิอันพึงมีของตนเอง โดยใช้ในนามองค์กรภาคประชาชนพรรครวมพลังประชาชน
พรรครวมพลังประชาชน คาดหวังเป็นอย่างมากที่จะเข้าไปทำงานเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ซึ่งขึ้นอยู่กับหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงของพี่น้องประชาชนที่จะมอบให้กับเรา เพื่อต้องการสะท้อนให้เห็นว่าพรรคเรานั้นคือประชาชนคนธรรมดา พร้อมที่จะทำเพื่อประชาชนจริงๆไม่ได้มีสิ่งอื่นใดมาแอบแฝง
นาย อภิวิชญญ์ ยังกล่าวอีกว่า หลังจากนี้พรรคได้วางแผนจะลงไปหาประชาชนทุกพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนว่าขณะนี้มีพรรคการเมืองซึ่งเป็นพรรคของพี่น้องประชาชนจริงๆ ได้มาต่อสู้ทางการเมืองเพื่อพี่น้องประชาชนด้วยความตั้งใจ พร้อมลงพื้นที่ทั้ง 4 ภาค และจะส่งผู้สมัครเลือกตั้งครบทุกเขต
ทั้งนี้อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนว่าอยากให้พี่น้องประชาชนทุกท่านสนับสนุนและส่งเสริม เพราะพวกเราทุกคนเป็นจิตอาสามาทำงานระดับชาติเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนจริงๆ อยากให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมีที่พึ่งมีที่หวัง เพราะนโยบายของเราเป็นนโยบายที่จับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน นาย อภิวิชญญ์ กล่าวทิ้งท้าย