นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมาธิการการปกครอง คณะที่หนึ่ง ในคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญสมาคมฯ เข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาภาษียาสูบอันทำให้เกิดการลักลอบค้าบุหรี่ผิดกฎหมาย โดยนางวราภรณ์ระบุว่า
“ช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ประชาชนหลายล้านคนตกงาน ขาดรายได้ เศรษฐกิจซบเซา กำลังซื้อผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ถูกกฎหมายของผู้บริโภคก็ลดลงด้วย กลายเป็นเหตุจูงใจให้สินค้าเถื่อนเติบโตได้ง่ายขึ้น แม้จะเป็นช่วงการล็อคดาวน์ ปิดด่านพรมแดนถาวรและด่านชั่วคราว แต่ปัญหาการค้าขายบุหรี่เถื่อนกลับไม่ได้ลดลง เห็นได้ชัดจากการที่มีข่าวจับกุมบุหรี่เถื่อนที่เกิดขึ้นรายวันตามแนวชายแดนทั้งด้านเชียงราย จันทบุรี สระแก้ว นราธิวาส แต่ละครั้งที่เจ้าหน้าที่จับได้ ก็เป็นล็อตใหญ่ มูลค่าครั้งละ 3-10 ล้าน แต่ก็ยังมีบางส่วนที่เล็ดลอดสายตาเจ้าหน้าที่ ส่งออกไปขายตามจังหวัดต่างๆ ได้ โดยเฉพาะในจังหวัดทางภาคใต้ ร้านค้าของหนีภาษีในพื้นที่ต่างๆ เช่น หาดใหญ่ สตูล พัทลุง ยังคงเปิดขายบุหรี่หนีภาษีกันอย่างต่อเนื่องและเปิดเผย ของไม่มีขาด ทำให้สมาชิกของสมาคมฯ ซึ่งเป็นร้านค้าที่จำหน่ายบุหรี่ถูกกฎหมายได้รับผลกระทบอย่างมาก ล่าสุดเพิ่งมีการจับกุมบุหรี่ล็อตใหญ่กลางทะเลปัตตานีได้ของกลางถึง 1,040 ลัง”
เจ้าของร้านโชห่วยใน จ. จันทบุรี กล่าวว่า “เห็นข่าวการจับขบวนการขนบุหรี่เถื่อนในพื้นที่บ่อยมาก แต่จับเท่าไร ก็ยังมีลักลอบกันเข้ามาเรื่อยๆ เพราะราคาบุหรี่พวกนี้มันถูกกว่ามาก ขายออกง่าย เพราะคนมาถามหาซื้อกันเยอะมาก อย่างร้านเราไม่มีบุหรี่ผิดกฎหมายก็ขายยากหน่อย เพราะขั้นต่ำก็ 60 บาทแล้ว กำไรต่อซองก็ไม่ได้เยอะ ยังต้องเสียค่าใบอนุญาตขายบุหรี่อีก บางร้านที่รับมาขายก็ไม่รู้หรอกว่าผิดกฎหมายยังไง เห็นว่าขายได้กำไรดี ก็รับไว้”
จากการเปิดเผยของกรมสรรพสามิตพบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 – 16 กรกฎาคม 2563 มีผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตคดียาสูบ 6,754 คดี คิดเป็นค่าปรับสูงถึง 157.33 ล้านบาท และเป็นสินค้าหนีภาษีที่พบการกระทำผิดเป็นอันดับสองรองจากสุรา
ด้านเจ้าของร้านโชห่วยรายหนึ่งในอำเภอหาดใหญ่ กล่าวว่า “ปัจจุบันร้านขายของชำที่ขายบุหรี่ถูกกฎหมายได้รับผลกระทบมากมาย แต่ยอดขายบุหรี่ถูกกฎหมายกลับลดลงจากปัญหาบุหรี่เถื่อนที่มีราคาถูกกว่ามาก บุหรี่เถื่อนก็มีเกลื่อนเมือง โดยเฉพาะในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ทั้งในร้านถ่ายเอกสาร ร้านขายอาหาร ฯลฯ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ อบจ. เจ้าหน้าที่เทศบาล หรือเจ้าหน้าที่สรรพสามิต จริงจังในการปราบปรามบุหรี่เถื่อนมากกว่านี้ ไม่ใช่แต่จะมาจ้องตรวจสอบเฉพาะร้านที่เสียภาษี”
“บุหรี่ราคาแพงขึ้นๆ ทุกปี เพราะรัฐบอกว่ายอดเก็บภาษีไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ต้องเก็บภาษีบุหรี่ให้แพงขึ้น แต่ยิ่งขึ้นภาษี บุหรี่ราคาแพงขึ้น แล้วยิ่งปล่อยปละละเลยให้บุหรี่เถื่อนเกลื่อนเมือง รายได้ภาษีของหาดใหญ่ก็ไม่เพิ่มขึ้นอยู่ดี”
นางวราภรณ์ กล่าวว่า “อ. หาดใหญ่ จ. สงขลา เป็นพื้นที่ที่มีการระบาดของบุหรี่เถื่อนรุนแรงมาก สมาคมฯ ทราบข้อมูลจาก อบจ. สงขลา การจัดเก็บรายได้ภาษียาสูบในพื้นที่ลดลงเฉลี่ยเดือนละ 8 แสนบาท ซึ่งหมายถึงปริมาณการซื้อขายบุหรี่ถูกกฎหมายลดลงนั่นเอง หากรัฐบาลยังคงปล่อยให้มีการขายบุหรี่เถื่อนแบบนี้ร้านค้าเล็กๆ ที่ถูกกฎหมายคงเดือดร้อนกันหมด จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่เพิ่มความเข้มข้นในนโยบายการป้องกันและปราบปรามบุหรี่เถื่อนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการประชุมกับคณะอนุฯ การปกครองล่าสุด ได้รับปากที่จะประสานให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น และสมาคมฯ ก็จะได้ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด รวมทั้งจะประสานกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เพื่อเร่งให้ช่วยจัดการปัญหาบุหรี่เถื่อนโดยเร็ว”