ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. เผย ในเดือนเม.ย. 2565 ราคาสินค้าส่วนใหญ่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลสงกรานต์และราคาน้ำมันดิบที่ยังเพิ่มสูงขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน สินค้าที่มีแนวโน้มราคาสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า น้ำตาลทรายดิบ มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน ยางพาราดิบชั้น 3 กุ้งขาวแวนนาไม สุกร และโคเนื้อ ยกเว้นข้าวเปลือกเหนียวที่มีแนวโน้มราคาปรับลดลง
นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนเมษายน 2565 สินค้าเกษตรส่วนใหญ่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิ ราคา 11,693 – 12,548 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.32 – 7.65 เนื่องจากความต้องการจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ไทยสามารถส่งออกข้าวได้มากขึ้น ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคา 8,198 – 8,240 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.86 – 1.38 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบเพิ่มและความกังวลในค่าระวางเรือที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากเดิม น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก 19.38 – 19.46 เซนต์/ปอนด์ (14.33 – 14.39 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.74 – 1.15 จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ประเทศผู้ผลิตน้ำตาลเพิ่มสัดส่วนการนำอ้อยไปผลิตเอทานอล ด้านอินเดียได้เพิ่มการส่งออกน้ำตาลกว่า 7.5 ล้านตัน จากเดิม 6 ล้านตัน จึงอาจส่งผลให้ราคาน้ำตาลไม่ปรับตัวเพิ่มมากนัก มันสำปะหลัง ราคา 2.31 – 2.40 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.43 – 4.35 เนื่องจากราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้น ควบคู่กับความต้องการตลาดที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคา 9.05 – 9.11 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.23 – 0.93 เนื่องจากในช่วงเก็บเกี่ยวเป็นช่วงฤดูแล้งทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ซึ่งตรงข้ามกับความต้องการตลาด ที่ต้องการข้าวโพดไปใช้เป็นวัตถุดิบทดแทนในการผลิตอาหารสัตว์ ปาล์มน้ำมัน ราคา 9.66 – 11.86 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.83 – 23.79 จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ปุ๋ยขาดแคลนในตลาดโลกและผู้ส่งออกหลักอย่างประเทศจีนลดการส่งออกปุ๋ยเคมี ทำให้ราคาปุ๋ยเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาปาล์มน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ยางพาราแผ่นดิบชั้น 3 ราคา 63.21 – 64.39 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 4.48 – 6.43 เนื่องจากราคายางสงเคราะห์ที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ประกอบกับผลผลิตยางพาราของไทยลดลงในฤดูกาลปิดกรีดยางพารา อีกทั้งโรคใบร่วงชนิดใหม่อุบัติในประเทศผู้ผลิตยางพาราที่สำคัญของโลก ได้แก่ ไทย อินโดนีเซียและเวียดนาม กุ้งขาวแวนนาไม ราคา 169.64 – 171.93 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.58 – 2.95 เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และกำลังจะเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ทำให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการบริโภคกุ้งในประเทศสูงขึ้น นอกจากนี้เงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่า ทำให้ไทยสามารถส่งออกกุ้งไปยังประเทศคู่ค้าได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย ด้านสุกร ราคา 88.79 – 91.19 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.13 – 3.87 เนื่องจากความต้องการบริโภคสุกรเพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์และเช็งเม้ง ประกอบกับต้นทุนค่าอาหารสัตว์และค่าขนส่งสุกรที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสุกรยังมีทิศทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และโคเนื้อ ราคา 100 – 110 บาท/กก. ปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.54 – 10.60 เนื่องจากในเดือนเมษายนเป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนา ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างโรงแรม ร้านอาหาร คึกคักมากขึ้นและ ความต้องการบริโภคเนื้อโคปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเหนียว ราคา 8,871-8,901 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.06 – 1.39 เนื่องจากผลผลิตข้าวเหนียวนาปรังเริ่มออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ ส่งผลให้ราคาปรับตัวลงเล็กน้อย