ลีสซิ่งกสิกรไทย ประกาศนำร่องจริงในฐานะสถาบันการเงินแห่งแรกที่ตอบรับการให้บริการลูกค้าเช่าซื้อภายใต้กฎข้อบังคับตามประกาศสคบ.ใหม่ โดยประกาศปรับใช้สัญญาเช่าซื้อใหม่ ให้ส่วนลดปิดบัญชีล่วงหน้าสูงสุด 100% เอื้อประโยชน์ให้กับลูกค้า ครอบคลุมทุกเกณฑ์ สคบ.ใหม่ ตั้งแต่ 22 พ.ย.นี้เป็นต้นไป
นายธีรชาติ จิรจรัสพร กรรมการผู้จัดการ ลีสซิ่งกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากประกาศคุมสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. 2566 ที่ครอบคลุมเรื่องหลักที่เป็นประโยชน์กับผู้บริโภค เช่น
การกำหนดเพดานดอกเบี้ยค่าเช่าซื้อรถยนต์แบบลดต้นลดดอก แบ่งตามประเภทรถยนต์ โดยรถยนต์ใหม่คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 10% รถยนต์มือสอง 15% และ รถจักรยานยนต์ 23%
การให้ส่วนลดดอกเบี้ยที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระเมื่อมีการปิดสัญญาก่อนครบกำหนดโดยคิดเป็นแบบ 3 ขั้นบันได ได้แก่
– กรณีผู้เช่าซื้อชำระค่างวดไม่เกิน 1 ใน 3 (<=1/3) ของค่างวดเช่าซื้อที่ระบุไว้ในสัญญา ให้ได้รับส่วนลดในอัตราไม่น้อยกว่า 60% ของดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ยังไม่ครบกำหนดชำระ
หน้า 1/3
– กรณีผู้เช่าซื้อชำระค่างวดไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 แต่ไม่เกิน 2 ใน 3 (>1/3 ถึง <=2/3) ให้ได้รับส่วนลดในอัตราไม่น้อยกว่า 70% ของดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ยังไม่ครบกำหนดชำระ
– กรณีผู้เช่าซื้อชำระค่างวด ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 (>2/3) ให้ได้รับส่วนลดทั้งหมดของดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ยังไม่ครบกำหนดชำระ
ลีสซิ่งกสิกรไทยจึงได้เร่งดำเนินการปรับปรุงระบบและสัญญาเช่าซื้อฉบับใหม่ เพื่อรองรับประกาศใหม่ดังกล่าว โดยนำร่องเป็นสถาบันการเงินแรก ก่อนวันที่เกณฑ์ใหม่มีผลบังคับใช้ ซึ่งปรับให้ครอบคลุมทุกเกณฑ์ สคบ.ใหม่ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้บริโภค และปฏิบัติครอบคลุมตามแนวทางการกำกับดูแลการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market Conduct) ของธนาคารแห่งประเทศไทย
ลูกค้าที่สมัครและทำสัญญาเช่าซื้อใหม่ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. 2565 เป็นต้นไป สามารถรับสิทธิ์ได้เลยไม่จำเป็นต้องรอจนถึง วันที่ 10 ม.ค. ปีหน้า ให้เกณฑ์สคบ.ใหม่มีผลบังคับใช้จึงจะออกรถ โดยเมื่อลูกค้าออกรถใหม่ หรือรถยนต์ใช้แล้วและสมัครใช้บริการสินเชื่อรถ ประเภทเช่าซื้อของลีสซิ่งกสิกรไทย จะได้รับสิทธิประโยชน์ตามเกณฑ์ใหม่ เช่น กรณีลูกค้าที่ต้องการ “โปะปิด” สัญญาก่อนครบกำหนด จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมจากเดิม 50% เป็นอัตราขั้นบันไดใหม่ที่ 60% 70% และสูงสุด 100%
สำหรับส่วนลดดอกเบี้ยกรณีการมาโปะปิดบัญชีตามเกณฑ์ใหม่ จะมีความแตกต่างกันออกไป เช่น หากกู้ประมาณ 500,000 บาท ลีสซิ่งกสิกรไทยจะให้ส่วนลดดอกเบี้ยที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระกรณีปิดบัญชีล่วงหน้าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 1,000-4,400 บาท ขึ้นอยู่กับเวลาที่มา “โปะปิด” ดังตัวอย่าง
ในกรณีที่ลูกค้าอาจชำระค่างวดล่าช้า ดอกเบี้ยปรับของลีสซิ่งกสิกรไทยจะคำนวณตามเกณฑ์ใหม่ซึ่งลดลงจากอัตราไม่เกิน15% (ดอกเบี้ยตามสัญญาบวก 3% แต่ไม่เกิน 15%) เหลือที่อัตรา 5% โดยคำนวณจากฐานเงินต้นของค่างวดที่ผิดนัดเท่านั้น ซึ่งจะต่ำกว่าการคำนวณแบบสคบ.ที่ใช้ฐานค่างวดที่ผิดนัดอันประกอบด้วยเงินต้น และดอกเบี้ย เช่น หากค่างวดเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ประกอบไปด้วย เงินต้นจำนวน 8,000 บาท ดอกเบี้ยปรับจะคำนวณจากยอดเงินต้น 8,000 บาท เท่านั้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการกำกับดูแลการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market Conduct) ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่คุ้มครองผู้บริโภคเป็นหลัก
(หมายเหตุ: สำหรับลูกค้าเดิมและลูกค้านิติบุคคลหรือลูกค้าที่ไม่มีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว (ไม่เข้าเกณฑ์สคบ.) ลีสซิ่งกสิกรไทยยังคงคำนวณดอกเบี้ยปรับตามอัตราดอกเบี้ยของสัญญาบวก 3% สูงสุดไม่เกิน15%ต่อปี)
นายธีรชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากประกาศใหม่ของสคบ. อาจมีความเข้าใจผิดในกลุ่มผู้บริโภคว่าจะทำให้อัตราดอกเบี้ยรถใหม่ลดลง ซึ่งในหลักเกณฑ์ที่แท้จริง เป็นเพียงการกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ย โดยในปัจจุบันดอกเบี้ยสินเชื่อรถใหม่มีอัตราที่ต่ำกว่าเพดานกำหนดอยู่แล้ว แต่อัตราดอกเบี้ยในปี 2566 มีแนวโน้มอยู่ในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการตัดสินใจจองรถและออกรถช้าออกไปอาจทำให้ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นกว่าปัจจุบัน จึงประสงค์ให้ลูกค้าได้รับทราบข้อเท็จจริง สิทธิและประโยชน์ของประกาศฯ ฉบับใหม่ รวมถึงแนวทางปฏิบัติที่ลีสซิ่งกสิกรไทยจะเริ่มนำมาใช้จริง เพื่อเอื้อประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ทั้งนี้การดำเนินงานของลีสซิ่งกสิกรไทยที่ผ่านมาได้คำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลักมาโดยตลอด โดยมุ่งหมายที่จะอำนวยสินเชื่ออย่างเป็นธรรมตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มุ่งเน้นคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ซึ่งพอร์ตสินเชื่อของลีสซิ่งกสิกรไทยมีลูกค้าที่มีประวัติการชำระหนี้ที่ดีและมีสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อรายได้ (NPL) ในระดับต่ำ ส่งผลให้มีผลประกอบการที่ดีขึ้น จึงทำให้ลีสซิ่งกสิกรไทยมุ่งมั่นในการให้บริการสินเชื่อรถที่เป็นธรรมและส่งต่อผลดีให้เกิดกับลูกค้าต่อไป