นายสราวุฒิ สุวรรณรัตน์ เลขานุการคณะทำงาน ภาคใต้ พรรคกล้า พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่บ้านด่านนอก เขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสงขลา พื้นที่เศรษฐกิจติดกับประเทศมาเลเซีย รัฐเคดาห์ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญระหว่างชายแดนไทยและมาเลเซีย และเป็นพื้นที่ด่านศุลกากรที่ทำรายได้สูงสุดของประเทศไทย อดีตเคยมีการเติบโตด้านเศรษฐกิจและการลงทุนสูง เนื่องด้วยมีนักท่องเที่ยวมาเลเซียและจีนนิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ปัจจุบันนักท่องเที่ยวลดลง เศรษฐกิจซบเซา ทั้งนี้ด่านนอกยังถือเป็นชายแดนที่มีการกระจายตัวของสินค้าไทยในมาเลเซีย เช่น ยางพารา, สัตว์น้ำ, อาหารทะเลกระป๋องแปรรูป, ผักสด, ผลไม้, ปลาป่น, สินค้าเบ็ดเตล็ดเป็นจำนวนมาก
นายสราวุฒิ กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่บ้านด่านนอก เขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสงขลาเคยเป็นแหล่งเศรษฐกิจอันดับต้น ๆ ของประเทศและหัวเรือสำคัญของ จังหวัดสงขลา มีความน่าเป็นห่วงมาก ผู้ประกอบการในพื้นที่รายได้ลดลงไปกว่าครึ่ง เป็นเวลาเกือบ 2 ปี จากเมืองที่มีเศรษฐกิจรายได้กว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อปี ผู้ประกอบการร้านค้าที่อยู่หน้าด่านพรมแดนไทย-มาเลเซียกระทบถึงปัญหาจากสถานการณ์โควิด-19 ไม่มีนักท่องเที่ยว ไม่มีการซื้อขายมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ทำให้ปิดกิจการเกือบทั้งหมดเพราะไม่มีลูกค้าจากที่เคยเป็นเมืองที่เคยเต็มไปด้วยประชาชนจับจ่ายซื้อของเหลือเพียงแค่เมืองร้าง เนื่องด้วยผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 และทางด่านนอกยังเป็นพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย จึงทำให้มีผู้คนที่เคยอพยพย้ายถิ่นฐานมาทำมาหากินที่นี่ รวมถึงคนในพื้นที่จำนวนมากมีความเป็นอยู่ที่ลำบากมาก
“ครั้งนี้ ถือเป็นการลงพื้นที่รับฟังถึงปัญหา และนำกลับมาหาช่องทางในการช่วยเหลือ โดยนโยบายพรรคกล้าต้องการพลิกฟื้นช่วยเหลือประชาชนทางภาคใต้ และต้องการให้ผู้ประกอบการร้านค้าบ้านด่านนอก เขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสงขลากลับมาเหมือนเดิม ดังนั้น อยากจะขอวิงวอนภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยแก้ปัญหา หรือออกนโยบายผ่อนปรนเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชน ซึ่งพื้นที่ด่านนอกเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่ทำรายได้ให้แก่ประเทศสูงที่สุดหากได้รับการช่วยเหลือหรือได้รับการผ่อนปรนจากนโยบายของภาครัฐเศรษฐกิจจะต้องกลับมาดีขึ้น เพื่อเมืองใต้ของเราเพื่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” นาย สราวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย
#พรรคกล้า #เรามาเพื่อลงมือทำ #ด่านนอก