มั่นคงเคหะการ (MK) รับฝ่าวิกฤต สิ้นไตรมาสแรกปี 2563 ธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการสร้างรายได้ 143.99 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นถึง 23% ด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ทำรายได้รวม 496.93 ล้านบาท และมียอดยื่นขออนุมัติเครดิตเบื้องต้น (Pre Approve) กับยอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) รวมสูงกว่ายอดขายสิ้นปี 2562 ถึงกว่า 40%
นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) (Mr. Vorasit Pokachaiyapat Chief Executive Officer of M.K. Real Estate Development Public Company Limited) หรือ MK บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย เพื่อเช่าและเพื่อการบริการ เผยผลการดำเนินงาน ในไตรมาสแรกของปี 2563 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563) ว่า บริษัทและบริษัทย่อยสามารถทำรายได้รวมจากการขายและบริการได้ 640.92 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายอยู่ที่ 496.93 ล้านบาท โดยมียอดขายเพื่อยื่นขออนุมัติเครดิตเบื้องต้น (Pre Approve) รวมกับยอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) สูงกว่าสิ้นปี 2562 กว่า 40% เป็นผลมาจากแผนการปรับเปลี่ยนแผนงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการมีรายได้เติบโตขึ้นเป็นจำนวนถึง 143.99 ล้านบาท เติบโตเพิ่ม 23% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
“จากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีอัตราชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2562 ผนวกกับสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคบางกลุ่มที่มีการชะลอ การตัดสินใจซื้อ รวมถึงบางกลุ่มก็มีความสามารถในการซื้อที่ลดลง ดังนั้นในไตรมาสแรกของปี 2563 บริษัทฯ จึงมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์มีจำนวน 496.93 ล้านบาท ซึ่งหากพิจารณารายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์แนวราบของไตรมาสนี้ เปรียบเทียบกับรายได้เฉลี่ยต่อไตรมาสภายหลังมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยเริ่มมีผลบังคับใช้ในปีที่ผ่านมามียอดลดลงประมาณ 18%”
นายวรสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้จะอยู่ท่ามกลางวิกฤต แต่บริษัทฯ ก็ยังสามารถสร้างรายได้จากธุรกิจเช่าและบริการ (Recurring Income) ถึง 143.99 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 23%โดยรายได้หลักมาจากโครงการ บางกอก ฟรีเทรด โซน ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด จำนวน 92.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 29.31 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นถึง 46.12%
จากผลการดำเนินงานภาพรวมของ บมจ.มั่นคงเคหะการ จะเห็นได้ว่าธุรกิจให้เช่าและธุรกิจบริการ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นให้กับกลุ่มบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นไปตาม การปรับโครงสร้างรายได้ของกลุ่มบริษัทเพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจและสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ ในระยะยาว โดยสัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจให้เช่าและธุรกิจบริการเมื่อเปรียบเทียบกับกำไรขั้นต้นทั้งหมดไม่รวมการขายที่ดินเปล่าในไตรมาสนี้ปรับเพิ่มขึ้น 34% จากเดิม 19.5%
“จะเห็นได้ว่าแผนธุรกิจ 5 ปีของกลุ่มบริษัทที่มุ่งเน้นสร้างสมดุลรายได้ที่มั่นคงได้ช่วยลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ได้เป็นอย่างดี รวมถึงกลุ่มบริษัทยังสามารถควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และยังสามารถดำเนินงานตามแผนธุรกิจที่วางไว้ได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับแผนการดำเนินงานต่อไปยังเดินหน้าขยายสัดส่วนของธุรกิจ โดยมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบอีก 2 โครงการ และธุรกิจโครงการสถานพยาบาล สถานฟื้นฟูและเวชศาสตร์ชะลอวัย (Wellness Center) ที่มีแผนจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2563 นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนในการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาฯ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้เพื่อให้เป็นตามแผนโครงสร้างรายได้ 5 ปี ปรับสัดส่วนกำไรของทั้ง 2 ฝั่งอยู่ที่ 50/50 ภายในปี 2564” นายวรสิทธิ์ กล่าวสรุป