บีไอจี ผู้นำด้านนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร่วมกับ บีเจซี ผู้ดำเนินธุรกิจพาณิชยกรรมนำเข้า-ส่งออก ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าและบริการครบวงจร ตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ร่วมมือศึกษาความเป็นไปได้ในการนำรถฟอร์คลิฟท์พลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen Forklift) มาใช้ในธุรกิจของกลุ่มบีเจซี เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ ซึ่งถือเป็นการศึกษาการใช้งานรถฟอร์คลิฟท์พลังงานไฮโดรเจนในธุรกิจค้าปลีกครั้งแรกของประเทศไทยก้าวสำคัญสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัทในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ. 2593 โดยที่บีเจซีมีเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลง 15% ภายในปี พ.ศ. 2575 ในการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งบีไอจีในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านไฮโดรเจนในไทย โดยแอร์โปรดักส์บริษัทแม่ของบีไอจีเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมไฮโดรเจนของโลก สามารถนำความรู้และประสบการณ์มาสนับสนุนการศึกษาครั้งนี้ เพื่อประเมินศักยภาพและความเหมาะสมในการนำรถฟอร์คลิฟท์พลังงานไฮโดรเจนมาใช้งานในธุรกิจของกลุ่มบีเจซี ซึ่งครอบคลุมธุรกิจตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
บีไอจี พร้อมขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
คุณปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บีไอจี กล่าวว่า “การร่วมมือกับกลุ่มบีเจซีในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันให้เกิดการใช้พลังงานสะอาดในอุตสาหกรรมของประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ที่ใช้โฟคลิฟท์เป็นจำนวนมาก ซึ่งไฮโดรเจนไม่เพียงแต่เป็นพลังงานสะอาด แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ช่วยภาคธุรกิจลดต้นทุน อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดเวลาในการเติมเชื้อเพลิง และที่สำคัญคือมีความปลอดภัยสูง โดยบีไอจีมีประสบการณ์จากการพัฒนาสถานีต้นแบบเติมเชื้อเพลิงยานยนต์ไฮโดรเจนแห่งแรกในประเทศไทยและพร้อมนำความรู้และเทคโนโลยีมาพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการไฮโดรเจนของภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างครบวงจร ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจ ‘Generating a Cleaner Future’ ของบีไอจีในการเป็นผู้นำด้านโซลูชั่นพลังงานสะอาดและยั่งยืน บีไอจีเล็งเห็นศักยภาพของไฮโดรเจนและร่วมผลักดันให้เป็นหนึ่งในพลังงานของประเทศ และพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้”
บีเจซีมุ่งสู่การผลิตที่ยั่งยืน
คุณอัศวิน – คุณฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี กล่าวเสริมว่า “กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตอกย้ำจากการได้รับรางวัลบริษัทที่มีความยั่งยืนระดับโลก ของกลุ่มอุตสาหกรรมค้าปลีกอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค (Food & Staples Retailing) ทั้งนี้การศึกษาความเป็นไปได้ในการนำไฮโดรเจนฟอร์คลิฟท์มาใช้ในธุรกิจของเรา จึงเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร เราตั้งเป้าปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2050 โดยในปีนี้ได้มีการนำหลักวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets initiative) หรือ มาตรฐาน SBTi เข้ามาใช้เป็นแนวทางและประกอบการตัดสินใจตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก บีเจซีมีความเชื่อว่าอุตสาหกรรมที่ดีจะต้องควบคู่ไปกับกรอบแนวคิดของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล สอดคล้องกับหลักการความยั่งยืนหรือ (ESG) โดยนำมาปรับประยุกต์ใช้ในการทำงานแบบบูรณาการตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ ทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนด้านความอย่างยั่งยืนที่มั่นคง”
เกี่ยวกับบีไอจี
บีไอจี ผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Technology Company) เป็นบริษัทในเครือแอร์โปรดักส์ (Air Products and Chemicals, Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทใน New York Stock Exchange (NYSE) และ US Fortune 500 โดยได้รับการจัดอันดับอยู่ใน Dow Jones Sustainability Index (DJSI) อย่างต่อเนื่องตลอด 13 ปี ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านความยั่งยืน ด้วยผลิตภัณฑ์ก๊าซอุตสาหกรรม นวัตกรรม เทคโนโลยีการใช้ก๊าซสำหรับทุกอุตสาหกรรม และเป็นผู้ลงทุนโครงการกรีนไฮโดรเจน กรีนแอมโมเนียรายใหญ่ที่สุดของโลก รวมทั้งเทคโนโลยีการกักเก็บคาร์บอน เพื่อผลักดันการเปลี่ยนผ่านทางด้านพลังงาน ด้วยเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.bigth.com หรือ www.airproducts.com
เกี่ยวกับบีเจซี
บีเจซี เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่สีเขียวที่หยั่งรากลึกมากว่าศตวรรษ และพร้อมขยายกิ่งก้านไปทั่วโลก ธุรกิจของเราให้ความสำคัญกับ ความยั่งยืนในทุกด้านซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อน เพราะเราเชื่อมั่นว่านี่เป็นวิธีที่จะทำให้ต้นไม้ใหญ่เติบโตอย่างมั่นคง ต่อเนื่องในระยะยาว โดยบริษัท ได้รับคะแนนดัชนีความยั่งยืนดาวน์โจนส์ (DJSI) จากการประเมินประจำปี 2566 สูงสุดของโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ในธุรกิจค้าปลีกอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค (Food and Staples Retailing) ของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) และได้รับการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ MSCI ESG Ratings จากระดับ A สู่ระดับ AA โดย MSCI ESG Research แสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาการดำเนินงานด้านความยั่งยืนให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีความโดดเด่นมากที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทต่างๆในอุตสาหกรรมเดียวกันจากทั่วโลก